รร.อินเตอร์เชนดันเชียงใหม่บูมปีหน้า

Submitted by admin on

ผู้บริหาร “ฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่” เชื่อผลดีของการเปิดโรงแรมระดับอินเตอร์เชน จะเริ่มเห็นชัดในปีหน้า ส่งเดสติเนชั่นเชียงใหม่บูมตลอดทั้งปี ขึ้นแท่นศูนย์กลางการประชุมระดับอินเตอร์

นาย อลัน วัตตส์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในปี 2551 นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่จะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มจัดประชุมสัมมนา และ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ทั้งนี้เพราะ จากการทยอยเปิดตัวของโรงแรมระดับเชนต่างๆ ซึ่งทุกรายจะต้องทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยโปรโมทเชียงใหม่ให้เป็นเดสติเนชั่น ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่เฉพาะแค่ช่วงไฮซีซั่น เหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายของทุกโรงแรมระดับอินเตอร์เนชั่นแนล จะมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นศูนย์กลางจัดประชุมสัมมนา(ไมซ์) ระดับอินเตอร์

“ผลของการทำตลาดของโรงแรมระดับอินเตอร์เชน ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เริ่มเปิดตัว จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในปีหน้า เพราะทุกรายต่างก็มีกลยุทธ์ที่จะดึงลูกค้าเข้ามาพักยังโรงแรมของตัวเอง ให้ได้ตลอดทั้งปี “

ในส่วนของฮอลิเดย์อินน์ ที่วางไว้ คือช่วงโลว์ซีซั่นจะเน้นลูกค้าตลาดคนไทย กลุ่มประชุมสัมมนา (ไมซ์) ทั้งของบริษัทห้างร้านและ ส่วนราชการ ส่วนตลาดไมซ์ในต่างประเทศ จะเจาะประทศ ในกลุ่ม ยุโรป อเมริกา และอินเดีย จุดขายสำคัญคือเรื่องของราคาที่ถูกกว่าภูเก็ต สมุย และ ชะอำ เฉลี่ย 20-30% ตั้งเป้าหมาย ลูกค้ากลุ่มสัมมนาในปีหน้า จะเพิ่มเป็น 50% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมดที่มาใช้บริการของฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ จากปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 20% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม โรงแรมระดับอินเตอร์เชน ที่เปิดให้บริการแล้วที่เชียงใหม่ ได้แก่ ดาราเทวี ,ดีทู ,โฟร์ซีซั่น, เชดี ,ฮอลิเดย์ อินน์ และ โซฟิเทล และ ที่จะเปิดในปีหน้า ได้แก่ แชงกรีลา และ เลอ เมอริเดียน เป็นต้น

นางละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ กล่าวว่า กรุ๊ปประชุมสัมมนา จะช่วยเพิ่มรายได้ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม(F&B) ให้แก่ทางโรงแรมอย่างน้อย 5-10% เพราะการจัดประชุมจะต้องมีคอฟฟี่เบรค และ อาหารกลางวัน นอกจากนั้นจะต้องมีงานเลี้ยงในตอนกลางคืนด้วย ขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไป จะนิยมออกไปทานอาหารนอกโรงแรม

โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ มีจุดเด่นที่เหนือกว่าโรงแรมอื่นๆ คือ มี ห้องประชุม 15 ห้อง จุคนได้กว่า 1,200 คน มีพื้นที่ริมแม่น้ำ สำหรับจัดธีมปาร์ตี้ มีห้องพักมากกว่า 500 ห้อง สำหรับราคาห้องพัก จะเริ่มตั้งแต่ 3,000-30,000 บาท ต่อคืน โดยราคาจะปรับขึ้นลงตามฤดูกาล

ล่าสุดได้เตรียมเพิ่มเมนูอาหารเกาหลี ในห้องอาหารจีนของโรงแรมฯ เพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลี เพราะในปลายเดือนตุลาคมศกนี้ จะมีเที่ยวบินตรงจากประเทศเกาหลี เริ่มเปิดให้บริการบินมาลงที่สนามบินเชียงใหม่ ซึ่งทางโรงแรมคาดว่าจะได้ลูกค้าจากเที่ยวบินดังกล่าวอย่างน้อย 40-50 ห้องต่อสัปดาห์

ยอดเข้าพักเริ่มไหลสู่พัทยา คาดไฮซีซันปีนี้ยอดพักเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80%

Submitted by admin on

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เผยยอดจองห้องพักนักท่องเที่ยวต่างชาต ิเริ่มทยอยเข้าสู่เมืองพัทยา รับเทศกาลไฮซีซันที่เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออกระบุ แม้ภาพรวมการเข้าพักในปี 50 จะมีไม่ต่ำกว่า 80%ของจำนวนห้องพักที่มีทั้งหมดแต่ก็น่าจะน้อยกว่าปีก่อน ระบุสถานการณ์การเข้าพักในปีหน้าคาดว่าจะกลับมาดีดังเดิม เหตุเพราะความชัดเจนทางการเมือง ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยในสายตาต่างชาติ

นายชัชวาล ศุภชยานนท์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เผยว่า ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของเมืองพัทยา ที่จะมีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก และขณะนี้ก็เริ่มมียอดการเข้าพักกลับสู่เมืองพัทยาแล้ว หลังจากที่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา พัทยาต้องประสบปัญหาการหายไปของตลาดนักท่องเที่ยวทั้งเอเซีย และยุโรป จากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และความไม่ชัดเจนทางการเมืองของไทย

อย่างไรก็ดี แม้ยอดเข้าพักในช่วงกลางปีจะหายไปบ้าง แต่ก็คาดว่าไฮซีซันปีนี้พัทยาจะมียอดการเข้าพักไม่น้อยกว่า 80% ของจำนวนห้องพักทั้งหมดที่มี และแม้ว่าอาจจะเป็นยอดการเข้าพักที่ลดลงจากปีก่อน แต่ก็ยังถือว่าไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางการท่องเที่ยวของเมืองพัทยามากนัก เพราะเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวยังคงอยู่ในระดับปกติ

“ไฮซีซันปีนี้มองว่ายอดการเข้าพักน่าจะสู้ปีก่อนไม่ได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ประกอบกับเราเจอปัญหาการหายไปของนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียในช่วงกลางปี ซึ่งเมื่อมองภาพรวมทั้งปีแล้วการเข้าพักอาจจะลดลงจากปีก่อนเช่นกัน”

นายชัชวาล ยังเผยอีกว่าแม้สถานการณ์การเข้าพักของเมืองพัทยาในปี 2550 จะไม่สู้ดีนักเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าในหลายเมืองท่องเที่ยวของประเทศ เพราะพัทยา ยังมีจุดขายเกี่ยวกับกิจกรรมที่หลากหลาย ทำให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นตลาดท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ ยังมีการคาดการณ์กันว่าในปี 2551 ยอดการเข้าพักของเมืองพัทยา และภาพรวมทางการท่องเที่ยวจะดีขึ้นเพราะความชัดเจนทางการเมือง และการมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งก็จะส่งผลต่อภาพพจน์ทางการท่องเที่ยวของไทยในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย

ศึกช้างชนช้าง

Submitted by admin on

ผู้จัดการรายสัปดาห์ - *สงครามการตลาดของอุตสาหกรรมการบินภูมิภาคเอเชีย เข้มข้นดุเดือดขึ้นตามลำดับ *เมื่อเส้นทางระยะไกลข้ามทวีป คือจุดขายใหม่ของโลว์คอสต์ *ตลาดเอเชียจึงกลายเป็นเค้กก้อนโตที่ถูกหมายปอง *ศึก"แอร์เอเชีย"ปะทะ "เจ็ตสตาร์"ใครคือเจ้าตลาดตัวจริง!

ถึงจะตื่นตัวช้าไปสักนิด แต่วันนี้ "แอร์เอเชีย" ก็แสดงให้เห็นความจำเป็น ที่จะต้องรักษาฐานที่มั่นทางการตลาดไว้อย่างเหนียวแน่นที่สุด

เนื่องจากที่ผ่านมา สายการบินแควนตัส (Qantas Airways Ltd) จากออสเตรเลีย ได้เข้าไปเทคโอเวอร์สายการบินเจ็ตสตาร์ ให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของแควนตัส ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจการบิน พยายามที่จะผลักดันให้กลุ่มทุนจากออสซี่ โหมประชาสัมพันธ์กระหึ่มไปทั่วทั้งเอเชียว่า จะยึดโซนแถบอาเซียนและเอเชียเป็นศูนย์กลาง โกยเงินในเส้นทางธุรกิจโลว์คอสต์แอร์ไลน์ภูมิภาคอาเซียน จึงกลายเป็นเค้กก้อนโตที่ทั้งสองสายการบินต่างเล็งไว้ เพื่อที่จะเข้ามาใช้เป็นโลเคชั่น หวังตั้งเป็นศูนย์กลางทางการบิน แผ่ขยายอาณาจักรของตนเองกว่า 3 ปีที่ ดาโต๊ะโทนี เฮอร์นันเดซ (Tony Hernandez) ซีอีโอของของแอร์เอเชีย มาเลเซีย นำโลว์คอสต์แอร์ไลน์บินเข้ามายังไทย ด้วยเครื่องโบอิ้ง 737-300 ขนาด 148 ที่นั่ง นำร่องเปิดให้บริการใน 2 เส้นทางจากนั้นก็เพิ่มทั้งจำนวนเครื่องบินและเส้นทางบินไปเรื่อยๆ ตามหัวเมืองท่องเที่ยวหลักจนกระทั่งล่าสุด มีเส้นทางบินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอยู่จำนวนมาก โดยบินประจำทุกวัน ด้วยราคาสุดคุ้มถูกที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือต่ำกว่าราคาตลาดที่สายการบินนานาชาติบินกันอยู่

ขณะเดียวกันในแต่ละเที่ยวบินของแอร์ เอเชีย ที่ขายราคาถูกนั้น จะถูกจำกัดจำนวนที่นั่ง โดยสร้างราคาตลาด (market fare) ไว้ถึง 11 ราคา สูง-ต่ำจะต่างกันประมาณ 5-10% ขึ้นอยู่กับใครจองก่อนจะได้ขึ้นเครื่องก่อน ได้เลือกที่นั่งก่อน เพราะบัตรขึ้นเครื่องจะไม่พิมพ์เลขที่นั่ง ให้ผู้โดยสารเลือกเองตามสะดวก ระหว่างบินจะไม่เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม (no frill) แต่จะเน้นลงทุนทำให้โปรดักส์ในเครื่องบินปลอดภัยสูง เก้าอี้สบาย มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ใช้

ด้วยจุดขายนี้เองส่งผลให้ผลประกอบการของ "แอร์เอเชีย"เติบโตแบบดีวันดีคืน สามารถสร้างเม็ดเงินกำไรเข้าสู่บริษัทได้เป็นอย่างกอบเป็นกำ จนทำให้คู่แข่งขันในวงการธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ มีการขยายตัวเปิดให้บริการกันเพิ่มขึ้น

หนึ่งในนั้นก็คือสายการบินเจ็ตสตาร์ ที่เดินหน้าขยายบริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ หวังตอบรับความสำเร็จ จากการเปิดให้บริการในเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะไกลในปีแรก ด้วยการเปิดแคมเปญคืนเงินส่วนต่าง 2 เท่า หากมีสายการบินอื่นเปิดจองที่นั่งบนเว็บไซต์ในราคาที่ต่ำกว่า ที่สำคัญสายการบินเจ็ตสตาร์มีการเติบโตมากกว่า 3 เท่า หลังจากเริ่มเปิดดำเนินการ ด้วยการเป็นสายการบินภายในประเทศออสเตรเลียเมื่อ 3 ปีก่อน และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกเกือบ 10 เท่าในปี 2553/2554 และในปีงบประมาณ 2550 เจ็ตสตาร์ให้บริการรับส่งผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 7.6 ล้านคน

การเป็นหนึ่งในสายการบิน ที่มีค่าโดยสารราคาประหยัดรายแรกของโลก ที่เปิดบริการเส้นทางบินระหว่างประเทศระยะไกลครั้งนี้ ประเดิมด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-เมลเบิร์น และภูเก็ต-ซิดนีย์เส้นทางละ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ส่งผลให้ แอร์เอเชีย ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ล่าสุด แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ดึง "เวอร์จิ้น บลู" เข้าถือหุ้นส่วนถึง 20% พร้อมตั้งเป้าบุกเบิกธุรกิจโลว์คอสต์ เจาะตลาดบินระยะไกลชนิดข้ามทวีปเช่นเดียวกัน โดยมีเส้นทางนำร่อง กัวลาลัมเปอร์-ออสเตรเลีย พร้อมกับงัดกลยุทธ์เดิมดัมป์ราคาตั๋วโปรโมชั่น จูงใจนักเดินทางลดลงเหลือเพียง 900-19,000 บาทโดยใช้ฝูงบินก่อนเพียง 1 ลำ ขณะเดียวกันก็มีการสั่งซื้อฝูงบินแอร์บัส A330-300s ใหม่ 15 ลำ ไว้รองรับการขยายเส้นทางในทันที

บอร์ด ทอท.ปลื้ม"สุวรรณภูมิ"ติดอันดับ 4 สนามบินยอดเยี่ยมของโลก

Submitted by admin on

นายต่อตระกูล ยมนาค คณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน ) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า สำหรับข้อมูลการจัดอันดับล่าสุดของ "สมาร์ท ทราเวล ดอท คอม" ที่มีการสำรวจความเห็นของผู้เดินทางทั่วโลก ซึ่งพบว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทย ได้รับการจัดอันดับ เป็นท่าอากาศยานยอดเยี่ยม (The Best of Airport) ลำดับที่ 4 รองจากอันดับ 1 ท่าอากาศยานของฮ่องกง อันดับ 2 ท่าอากาศยานชางงี ของสิงคโปร์ และอันดับ 3 คือ เคแอล ของมาเลเซีย โดยการจัดอันดับดังกล่าว สุวรรณภูมิได้รับการโหวตเหนือท่าอากาศยานอินชอน ของเกาหลีใต้ด้วย

ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กรรมการและโฆษก คณะกรรมการ ทอท.กล่าวว่า ในที่ประชุมในวันนี้ นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ คณะกรรมการ ทอท.ที่ได้รับมอบหมายรับผิดชอบปัญหาโครงสร้าง และการบริการในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำเอกสารสรุป "ปัญหาของผู้โดยสาร พนักงาน และประชาชน" โดยได้สรุปถึงปัญหาที่ยังเหลืออยู่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สิ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไขต่อไป และระยะเวลาดำเนินการ และผู้รับผิดชอบ โดยเอกสารดังกล่าว มีความหนา 104 หน้า มีเนื้อหากล่าวถึงปัญหามีตั้งแต่แบบก่อสร้างไม่สมบูรณ์ จนถึงปัญหาบริการต่างๆ

ขณะเดียวกัน นายยอดเยี่ยม ได้สรุปข้อดีของสุวรรณภูมิ มีความหนา 1 หน้ากระดาษ มีประเด็นสำคัญ 6 ข้อ เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีรันเวย์ที่ยาว สะดวกต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน ข้างรันเวย์ไม่มีสิ่งกีดขวาง ที่นำไปสู่อุบัติเหตุ เป็นสนามบินที่มีเนื้อที่กว้าง แยกพื้นที่ในการจัดโซนให้บริการง่าย เป็นสนามบินที่สามารถลากกระเป๋าสัมภาระจนถึงจุดขึ้นเครื่องได้ เป็นสนามบินที่มีที่ดินมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องขยายพื้นที่ และเป็นสนามบินที่มีห้องประกอบพิธีละหมาด ของศาสนาอิสลามที่กว้างขวางสะดวก

ทอท.พร้อมดันสนามบินสุวรรณภูมิติดท็อปเทนของโลก

Submitted by admin on

ผู้บริหาร ทอท.พร้อมเดินหน้าผลักดันสนามบินสุวรรณภูมิก้าวไปติด 1 ใน 10 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกให้เร็วที่สุด เผยพอใจการเปิดให้บริการ 1 ปีของสุวรรณภูมิที่ปรับปรุงแก้ไขปัญหาจนสถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้นมาก

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวถึงการเปิดให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิครบรอบ 1 ปี ว่า ในช่ว ง 3-6 เดือนแรกของการเปิดบริการ ยอมรับว่าหนักใจ เพราะมีปัญหาต่าง ๆ มากมาย แต่เมื่อมีการปรับปรุงแก้ไขมาตลอด ก็ถือว่าสถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้นมาก อีกทั้งโครงสร้างของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีความโอ่โถง ใหญ่โต หากได้รับความร่วมมือในเรื่องคุณภาพบริการทั้งจากบุคลากรของ ทอท. สายการบิน ร้านค้า ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ก็เชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก้าวไปติดอันดับ 1 ใน 10 ของสนามบินระดับโลกได้ในเร็ว ๆ นี้

นายเสรีรัตน์ กล่าวถึง พล.อ.ต.ชนะ อยู่สถาพร เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงกองทัพอากาศ ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ของ ทอท. ว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมปฏิบัติตามนโยบายจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนใหม่ โดยจะมีการชี้แจงรายละเอียดและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมทั้งแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในอนาคต เพราะขอรับการสนับสนุนจาก พล.อ.ต.ชนะ ในการช่วยผลักดันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ก้าวไปติด 1 ใน 10 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกให้ได้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายเสรีรัตน์ กล่าวภายหลังร่วมในพิธีทำบุญในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการเปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวันนี้ (28 ก.ย.) โดยมีกรรมการและผู้บริหารของ ทอท.บางคนเข้าร่วมพิธี อาทิ นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการ ทอท. นางกัลยา ผกากรอง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท. อย่างไรก็ตาม พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ว่าที่รองปลัดกระทรวงกลาโหม และประธานกรรมการทอท. ไม่ได้มาร่วมในพิธีทำบุญแต่อย่างใด

คมนาคม ตั้งบอร์ดพัฒนาระบบความปลอดภัยทางการบิน

Submitted by admin on

ที่ประชุมร่วมพิจารณามาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน มีมติให้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบความปลอดภัยในการเดินอากาศยาน เพื่อพิจารณาข้อมูลและนำเสนอหากต้องปรับแก้กฎระเบียบต่าง ๆ โดยจะประชุมครั้งแรกเดือนตุลาคมนี้ และศึกษาการตั้งคณะกรรมการกำกับด้านการบิน ส่วนกล่องดำเครื่องบิน “วันทูโก” จะกลับถึงประเทศไทยพรุ่งนี้ (28 ก.ย.)

นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินว่า ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบความปลอดภัยในการเดินอากาศยาน โดยมีอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีการประชุมทุกเดือน มีตัวแทนสายการบิน 8 สาย เข้าร่วมประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและนำเสนอ หากจะต้องปรับแก้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้บุคลากรด้านการบินและท่าอากาศยานรวมทั้งสายการบินประสานการทำงานร่วมกัน พัฒนาระบบการบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะประชุมนัดแรกเดือนตุลาคมนี้

ขณะเดียวกัน จะให้มีการศึกษาการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับด้านการบิน ทำหน้าที่ดูแลเรื่องประสิทธิภาพการบิน โดยจะปรับปรุงบทบาท โครงสร้าง และมาตรฐานการบิน ว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งกรมการขนส่งทางอากาศรับไปศึกษา

ขณะที่การพิสูจน์กล่องดำ นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) กล่องดำของเครื่องบินสายการบินวันทูโก ที่เกิดอุบัติเหตุที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จะกลับมายังประเทศไทย และจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักร ที่มีนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ซึ่งจากรายงานของเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ที่ร่วมตรวจสอบพบว่า สภาพของข้อมูลจากกล่องดำมีความสมบูรณ์ แต่ยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดได้ ต้องรอนำมาวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับคณะกรรมการฯ ก่อน

1 ปี กับสนามบิน สุวรรณภูมิ

Submitted by admin on

ทอท.ฟุ้ง 1 ปีสุวรรณภูมิเก็บกวาดปัญหาได้เกือบหมด ผลงานสุดภูมิใจ กวาดล้างแท็กซี่เถื่อน –ไกด์ผี เพิ่มจำนวนห้องน้ำ เผยยอดผู้โดยสารโตตามเป้า ปี 51 เต็มขีดรองรับ ปี 52 ลั่นจะไม่มีซ่อมแซมอะไรอีกแล้ว “เสรีรัตน์”เผย รอ ICAO ศึกษาปรับแผนแม่บท ลุ้นขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 ด้าน AOC ชี้ไทยจะเป็นฮับต้องนโยบาย ใช้ สนามบินเดียว ( Single Airport)

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะครบรอบ 1 ปี ในวันที่ 28 ก.ย. 2550 นี้ว่า ปัญหาตั้งแต่เปิดให้บริการ ซึ่งมีหลายเรื่องได้ปรับปรุงแก้ไขไปมากแล้ว โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนห้องน้ำในจุดที่เหมาะสม เพิ่มไฟแสงสว่างภายในอาคาร ป้ายบอกทางไม่ชัดเจนและการซ่อมพื้นผิวของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ ซึ่งจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่ง ปี 2550 จะทำงานหลักให้เสร็จ และปี 2551 จะเป็นเก็บงานที่เหลือให้เรียบร้อยทำให้ในปี 2552 จะไม่มีงานซ่อมแซมภายในสนามบิน ซึ่งทอท.จะตั้งเป้าติด 1 ใน 10 ในด้านการบริการ และอยู่ใน TOP 5 ในปี 2555

ทั้งนี้ ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิคือ กลุ่มแท็กซี่เถื่อนและไกด์ผี ซึ่งทอท.ได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำและไกด์ผีอย่างจริง ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมและทำให้ลดจำนวนลงได้แล้วประมาณ 70 – 80 % ซึ่งในเดือนมิ.ย.จับกุมได้ 235 ราย เดือนก.ค.จับกุมได้เพิ่มขึ้นเป็น 921 ราย จึงได้จัดทำประวัติพร้อมปรับ ในจำนวนนี้พบว่ามีกว่า10 รายเป็นการจับซ้ำคนเดิม ซึ่งได้หารือกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหากจับได้เกิน 3 ครั้งต้องสั่งห้ามบุคคลดังกล่าวเข้าพื้นที่ แต่อำนาจในการสั่งการจะทำได้หรือไม่อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายของ ทอท.พิจารณาอยู่

“การเข้มงวดจับกุมทำให้กลุ่มแท็กซี่เถื่อนและไกด์ผีลดลงแต่ก็ยังไม่หมดไปทั้ง 100 % คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสนามบินมาก เพราะกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำมีการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริงบางรายมีพฤติกรรมเป็นมิจฉาชีพเข้าหลอกลวงทรัพย์สินของผู้โดยสารตลอดจนทำร้ายร่างกายรวมทั้งไกด์ผีที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนและความรำคาญใจให้กับผู้โดยสารใช้กิริยาวาจากที่ไม่เหมาะสมและมีการขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสารอยู่บ่อยครั้งด้วย“นายเสรีรัตน์ กล่าว

นายเสรีรัตน์ กล่าวอีกว่า อยู่ระหว่างการจัดทำประวัติข้อมูลของผู้ประกอบการด้านการขนส่งและการท่องเที่ยวตลอดจนทะเบียนรถยนต์ของผู้ขับขี่และผู้ที่มารับผู้โดยสารภายในสนามบินจะต้องมีการแจ้งรายชื่อของผู้โดยสารที่จะเข้ามารับล่วงหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดจุดจอดรถบริเวณชานชาลารวมทั้งได้ติดประกาศอัตราค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์แบบจ้างเหมาจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังพื้นที่นอกเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมทั้งจังหวัดต่างๆเพื่อให้ผู้โดยสารได้ทราบตามอัตราที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดและหากตรวจพบว่ามีการเรียกเก็บอัตราค่าโดยสารเกินจากที่กำหนดจะถูกลงโทษให้เข้าคิวรับผู้โดยสารอย่างน้อย10 วัน

ส่วนการปราบปรามกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ส่งผลดีทำให้ธุรกิจการให้บริการรถลีมูซีนและรถแท็กซี่สาธารณะของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้ใช้บริการในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น รถลีมูซีนมีผู้ใช้บริการเพิ่มจากวันละ 700 เที่ยวเป็นวันละ 850 – 900 เที่ยว และรถบริการสาธารณะเพิ่มจากวันละ4,500 เที่ยวเป็น 6,000 เที่ยว

นอกจากนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.2550 นี้ เป็นต้นไปจะมีการปรับการจราจรบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร โดยจะให้รถแท็กซี่สาธารณะย้ายจากหน้าอาคารผู้โดยสารชั้น1 ขึ้นมาอยู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นของผู้โดยสารขาเข้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่เถื่อนที่เข้ามาหลอกลวงผู้โดยสารได้อีกทางหนึ่งด้วย รวมทั้งจะมีการประสานให้กับรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)บางเส้นทางสามารถเข้ามารับส่งผู้โดยสารที่บริเวณหน้าอาคารชั้น1 และ 4 ได้อีกด้วย

สำหรับจำนวนผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เปิดให้บริการ ต.ค. 2549 – ส.ค. 2550 มีรวม 38,748,257 คนแบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 29,998,585คนและภายในประเทศ 8,749,672 คน ส่วนปริมาณเที่ยวบินรวม246,967 เที่ยว และสินค้ารวม 1,119,682 ตันคาดว่าสิ้นเดือน ก.ย.2550นี้จะมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มเป็น 41 – 42 ล้านคนซึ่งใกล้ถึงจุดอิ่มตัวหรือเต็มขีดความสามารถที่จะรองรับได้สูงสุด45 ล้านคน ในอนาคตจะต้องมีการพิจารณาขยายสนามบิน

ผอ.สุวรรณภูมิเตรียมทุ่มงบ 5 หมื่นล้านสร้างสนามบินเฟส 2

Submitted by admin on

ผอ.สุวรรณภูมิเตรียมทุ่มงบประมาณ 50,000 ล้านบาท ขยายสนามบินเฟส 2 อาคารที่พักผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องบิน (มิดฟิลด์คอนคอตต์) ทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 3 และอุโมงค์รถไฟฟ้าเชื่อมอาคารผู้โดยสาร พร้อมดันสุวรรณภูมิติดอันดับสนามบินดีที่สุด 1 ใน 10 ของโลกในปี 2552

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงภาพรวมการให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่จะครบกำหนดวันที่ 28 กันยายนนี้ ว่าหลังจากประเมินภาพรวมที่ผ่านมา ขอให้คะแนนสนามบินเกรดบี ซึ่งภาพรวมขณะนี้ งานส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เปิดให้บริการ เช่น รันเวย์ ทางขับ (แท็กซี่เวย์) ปัญหาห้องน้ำ และระบบแสงสว่าง ซึ่งในปี 2550 ตั้งเป้าว่าจะพยายามติดตามแก้ไขปัญหางานหลักให้แล้วเสร็จ และในปี 2551 จะเก็บรายละเอียด และปี 2552 จะไม่มีการซ่อมแซม เพราะตั้งเป้าปี 2552 จะส่งสนามบินเข้าประกวดเป็นสนามบินดีที่สุดในโลก และคาดหวังติด 1 ใน 10 หลังจากนั้น จะพยายามผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติด 1 ใน 5

นายเสรีรัตน์ กล่าวถึงยอดผู้โดยสารว่า สิ้นเดือนกันยายนนี้คาดว่ามีผู้โดยสารเฉลี่ย 41-42 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 11 เดือนที่ผ่านมามีผู้โดยสาร 38.7 ล้านคน ส่วนจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเป็น 45 ล้านคนต่อปี ในปี 2551 ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมาย และหากไม่ย้ายสายการบินในประเทศไปท่าอากาศยานดอนเมือง จะพบว่า ขณะนี้มีตัวเลขผู้โดยสาร 45 ล้านคนแล้ว

สำหรับแผนการพัฒนาและขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 นั้น นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ระหว่างอยู่การว่าจ้างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) จัดทำมาสเตอร์แพลน ขณะเดียวกัน มีแผนจะก่อสร้างใน 3 เรื่องหลัก คือ มิดฟิลด์คอนคอตต์ แยกมาจากอาคารผู้โดยสารหลัก อุโมงค์รถไฟฟ้าเชื่อมระหว่างมิดฟิลด์คอนคอตต์ และอาคารที่พักผู้โดยสาร และรันเวย์ที่ 3 ฝั่งตะวันตกระยะทาง 3,700 เมตร ซึ่งขณะนี้มีการปรับปรุงคุณภาพดินรอไว้แล้ว คาดไอซีเอโอสรุปผลต้นปี 2551 และหากไม่มีปัญหาจะก่อสร้างต้นปี 2551 ส่วนการลงทุนนั้น ทอท.จะเป็นผู้ดูแล ซึ่งเบื้องต้น คาดจะใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก)

ส่วนแผนงานเฟส 2 นั้น จะใช้งบประมาณรวม 48,000-50,000 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 1-2 ปี รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 55 ล้านคนต่อปี ในช่วง 3-5 ปี แต่ต้องดูผลสรุปของไอเคโอ ส่วนแผนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น ไอซีเอโอกำลังศึกษา และจะได้ผลสรุปในเดือนตุลาคมนี้ แต่หากเที่ยวบินระหว่างประเทศต้องย้ายไปท่าอากาศยานดอนเมือง การขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ก็ต้องชะลอออกไป และหากมีการดำเนินการ จะต้องเสนอบอร์ด ทอท.และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติต่อไป

เซินเจิ้นแอร์ไลนส์เตรียมผุดบริการใช้มือถือ-ต่อเน็ตบนเครื่อง

Submitted by admin on

เอเอฟพี-เซินเจิ้น แอร์ไลนส์กล่าวเมื่อวันจันทร์(3)ว่า ผู้โดยสารของสายการบินฯ จะสามารถโทรศัพท์ หรือส่งข้อความด้วยมือถือของตน และใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพาเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ระหว่างการบินได้ในเร็ววันนี้

“เราภูมิใจอย่างมาก ที่จะได้เป็นสายการบินแรกในจีน ที่เสนอบริการที่ทำให้ผู้โดยสาร สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างการบินได้” หลี่คุน ประธานเซินเจิ้นแอร์ไลนส์กล่าว

ออนแอร์ บริษัทด้านเทคโนโลยีซึ่งมีฐานในสวิสเซอร์แลนด์ จะเป็นผู้ติดตั้งระบบดังกล่าว ซึ่งสายการบินฯตั้งใจจะให้บริการกลางปี 2009 นอกจากนี้ สายการบินฯยังหวังว่า เครื่องบินสาธิตที่ให้บริการดังกล่าวจำนวน 3 ลำ จะถูกนำมาใช้ช่วงโอลิมปิกปีหน้า

ทั้งนี้ ออนแอร์ ได้ลงนามข้อตกลงกับสายการบินยุโรป และเอเชียหลายแห่ง ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้.

รร.พัทยาล้นแห่ปิดตัวระนาว ต้องดั๊มราคาดึงคน-อลังการเบรกแผน

Submitted by admin on

ธุรกิจโรงแรมพัทยาแข่งดุ ตลาดโอเวอร์ซัพพลาย เหตุผู้ประกอบการเฮโลแห่ลงทุน เป็นเหตุรายเก่า ทุนน้อยต้องปรับ-ปิดตัว ขณะที่ผู้ที่ต้องการอยู่ต่อ ก็ไม่สามารถปรับราคาได้ตามจริง ด้านโรงละครไทยอลังการแหยง ชะลอแผนลงทุนสร้างโรงแรมอย่างไม่มีกำหนด

แหล่งข่าวจากวงการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า สถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจโรงแรมรุนแรงขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ และกรุงเทพ ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า การแข่งขันของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่พัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของไทยอีกแห่งหนึ่ง ขณะนี้ใกล้สู่ภาวะวิกฤติแล้ว ทั้งนี้เพราะ จากความคาดหวังว่า การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ จะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา พัทยาเพิ่มขึ้น เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางใกล้ที่สุด จึงทำให้นักธุรกิจไหลเข้ามาลงทุนจำนวนมาก ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ตลอดจนการลงทุนของคนในท้องถิ่น ดังนั้นหากนับรวม ทั้งโรงแรมที่พัก รีสอร์ท คอนโดมิเนียมที่เปิดให้เช่ารายวันและรายเดือน เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และห้องพักรายวันอื่นๆ พบว่า เกิดโอเวอร์ซัพพลายแล้ว

ล่าสุด ทาวน์ อิน ทาวน์ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 3 ดาว เปิดดำเนินการมากว่า 10 ปี ได้ปิดกิจการ เพราะ ทนแรงแข่งขันไม่ไหว ประกอบกับ โรงแรมดังกล่าวลูกค้าส่วนใหญ่ จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน ไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งปีนี้นักท่องเที่ยวมีจำนวนลดลง จากสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ทำให้เจ้าของกิจการตัดสินใจปิดกิจการ ส่งผลให้พนักงานกว่า 100 คน ต้องตกงาน

“ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทย ทั้ง ปัญหา 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการเมือง ทำให้การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้เท่าที่ควร ขณะเดียวกันประเทศคู่แข่ง เช่น มาเลเซีย เวียดนาม จีน ใช้โอกาสนี้บุกตลาดหนักขึ้นเพื่อแย่งชิงนักท่องเที่ยว แต่นักลงทุนยังเข้าใจว่า การท่องเที่ยวของประเทศไทยมีโอกาสเติบโตสูง จึงแห่ลงทุนเปิดโรงแรมมากขึ้น เกิดโอเวอร์ซัพพลาย และสงครามราคา ซึ่งหากเป็นภาวะปกติ การท่องเที่ยวของไทยคงเติบโตต่อเนื่อง แต่ปัจจัยลบหลายอย่างที่ทยอยเข้ามาในแต่ละปี ทำให้ท่องเที่ยวไทยไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งความบอบช้ำที่เกิดขึ้น คงต้องใช้เวลาฟื้นตัวไม่น้อยกว่า 2-3 ปี จึงเข้าสู่ภาวะปกติ”

ปัจจุบัน ห้องพักที่พัทยารวมแล้ว น่าจะมีมากกว่า 6-7 หมื่นห้อง รวมเกสเฮ้าส์ และ อพาร์ตเมนต ์แต่ตัวเลขสำรวจที่เปิดเผย กลับแจ้งว่ามีประมาณ 3-4 หมื่นห้อง การแข่งขันที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ โรงแรมที่สายป่านไม่ยาวพอ หรือโรงแรมที่ไม่ใช่มืออาชีพจะอยู่ลำบาก

อลังการชะลอแผนสร้างโรงแรม

นายสุทธิกร เจียรไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ โรงละคร ไทยอลังการ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ยังไม่เติบโตแบบยั่งยืน มีการแข่งขันสูง บริษัทจึงตัดสินใจ ชะลอแผนการก่อสร้างโรงแรม จากเดิมที่ต้องเริ่มก่อสร้างในปีนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยจะขอรอดูตลาดอีกสักระยะ เพื่อประเมินสถานการณ์ สำหรับโรงแรมที่บริษัทมีแผนจะก่อสร้างนั้น เป็นโรงแรม 4 ดาว ขนาด 600 ห้องพร้อมศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 12 ไร่ เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท

ขณะที่นายมณเฑียร ทองนิตย์ รองผู้ว่าราชการ จังหวัด ชลบุรี กล่าวยอมรับว่า โรงแรมที่พักในเมือง พัทยาเกิดขึ้นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเก่าต้องปรับตัว ใครที่สายป่านยาวก็มีการลงทุนรีโนเวต ให้โรงแรมดูสดใหม่เสมอ ในเรื่องของราคาก็มีการลดราคา หรือไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนจริง แต่เป็นราคาที่ผู้ประกอบการสามารถประคองตัวอยู่ได้ แต่ไม่ถึงขั้นเกิดสงครามราคา เพราะพัทยามีนักท่องเที่ยวที่หลากหลายทุกระดับ ซึ่งการลงทุนใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะจับตลาดบน สังเกตุจากมีเชนโรงแรมระดับอินเตอร์ เข้ามาเปิดมากขึ้น เช่น แมริออท เชอราตัน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของเมือง ที่ต้องการให้พัทยาเป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวของกลุ่มครอบครัว และ นักธุรกิจ