1 ปี กับสนามบิน สุวรรณภูมิ

Submitted by admin on

ทอท.ฟุ้ง 1 ปีสุวรรณภูมิเก็บกวาดปัญหาได้เกือบหมด ผลงานสุดภูมิใจ กวาดล้างแท็กซี่เถื่อน –ไกด์ผี เพิ่มจำนวนห้องน้ำ เผยยอดผู้โดยสารโตตามเป้า ปี 51 เต็มขีดรองรับ ปี 52 ลั่นจะไม่มีซ่อมแซมอะไรอีกแล้ว “เสรีรัตน์”เผย รอ ICAO ศึกษาปรับแผนแม่บท ลุ้นขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 ด้าน AOC ชี้ไทยจะเป็นฮับต้องนโยบาย ใช้ สนามบินเดียว ( Single Airport)

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะครบรอบ 1 ปี ในวันที่ 28 ก.ย. 2550 นี้ว่า ปัญหาตั้งแต่เปิดให้บริการ ซึ่งมีหลายเรื่องได้ปรับปรุงแก้ไขไปมากแล้ว โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนห้องน้ำในจุดที่เหมาะสม เพิ่มไฟแสงสว่างภายในอาคาร ป้ายบอกทางไม่ชัดเจนและการซ่อมพื้นผิวของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ ซึ่งจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่ง ปี 2550 จะทำงานหลักให้เสร็จ และปี 2551 จะเป็นเก็บงานที่เหลือให้เรียบร้อยทำให้ในปี 2552 จะไม่มีงานซ่อมแซมภายในสนามบิน ซึ่งทอท.จะตั้งเป้าติด 1 ใน 10 ในด้านการบริการ และอยู่ใน TOP 5 ในปี 2555

ทั้งนี้ ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิคือ กลุ่มแท็กซี่เถื่อนและไกด์ผี ซึ่งทอท.ได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำและไกด์ผีอย่างจริง ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมและทำให้ลดจำนวนลงได้แล้วประมาณ 70 – 80 % ซึ่งในเดือนมิ.ย.จับกุมได้ 235 ราย เดือนก.ค.จับกุมได้เพิ่มขึ้นเป็น 921 ราย จึงได้จัดทำประวัติพร้อมปรับ ในจำนวนนี้พบว่ามีกว่า10 รายเป็นการจับซ้ำคนเดิม ซึ่งได้หารือกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าหากจับได้เกิน 3 ครั้งต้องสั่งห้ามบุคคลดังกล่าวเข้าพื้นที่ แต่อำนาจในการสั่งการจะทำได้หรือไม่อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายของ ทอท.พิจารณาอยู่

“การเข้มงวดจับกุมทำให้กลุ่มแท็กซี่เถื่อนและไกด์ผีลดลงแต่ก็ยังไม่หมดไปทั้ง 100 % คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสนามบินมาก เพราะกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำมีการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริงบางรายมีพฤติกรรมเป็นมิจฉาชีพเข้าหลอกลวงทรัพย์สินของผู้โดยสารตลอดจนทำร้ายร่างกายรวมทั้งไกด์ผีที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนและความรำคาญใจให้กับผู้โดยสารใช้กิริยาวาจากที่ไม่เหมาะสมและมีการขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสารอยู่บ่อยครั้งด้วย“นายเสรีรัตน์ กล่าว

นายเสรีรัตน์ กล่าวอีกว่า อยู่ระหว่างการจัดทำประวัติข้อมูลของผู้ประกอบการด้านการขนส่งและการท่องเที่ยวตลอดจนทะเบียนรถยนต์ของผู้ขับขี่และผู้ที่มารับผู้โดยสารภายในสนามบินจะต้องมีการแจ้งรายชื่อของผู้โดยสารที่จะเข้ามารับล่วงหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดจุดจอดรถบริเวณชานชาลารวมทั้งได้ติดประกาศอัตราค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์แบบจ้างเหมาจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังพื้นที่นอกเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมทั้งจังหวัดต่างๆเพื่อให้ผู้โดยสารได้ทราบตามอัตราที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดและหากตรวจพบว่ามีการเรียกเก็บอัตราค่าโดยสารเกินจากที่กำหนดจะถูกลงโทษให้เข้าคิวรับผู้โดยสารอย่างน้อย10 วัน

ส่วนการปราบปรามกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ส่งผลดีทำให้ธุรกิจการให้บริการรถลีมูซีนและรถแท็กซี่สาธารณะของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้ใช้บริการในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น รถลีมูซีนมีผู้ใช้บริการเพิ่มจากวันละ 700 เที่ยวเป็นวันละ 850 – 900 เที่ยว และรถบริการสาธารณะเพิ่มจากวันละ4,500 เที่ยวเป็น 6,000 เที่ยว

นอกจากนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.2550 นี้ เป็นต้นไปจะมีการปรับการจราจรบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร โดยจะให้รถแท็กซี่สาธารณะย้ายจากหน้าอาคารผู้โดยสารชั้น1 ขึ้นมาอยู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นของผู้โดยสารขาเข้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่เถื่อนที่เข้ามาหลอกลวงผู้โดยสารได้อีกทางหนึ่งด้วย รวมทั้งจะมีการประสานให้กับรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)บางเส้นทางสามารถเข้ามารับส่งผู้โดยสารที่บริเวณหน้าอาคารชั้น1 และ 4 ได้อีกด้วย

สำหรับจำนวนผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เปิดให้บริการ ต.ค. 2549 – ส.ค. 2550 มีรวม 38,748,257 คนแบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 29,998,585คนและภายในประเทศ 8,749,672 คน ส่วนปริมาณเที่ยวบินรวม246,967 เที่ยว และสินค้ารวม 1,119,682 ตันคาดว่าสิ้นเดือน ก.ย.2550นี้จะมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มเป็น 41 – 42 ล้านคนซึ่งใกล้ถึงจุดอิ่มตัวหรือเต็มขีดความสามารถที่จะรองรับได้สูงสุด45 ล้านคน ในอนาคตจะต้องมีการพิจารณาขยายสนามบิน

ชลอเฟส 2 รอ ICAO สรุปใช้ดอนเมือง

นายเสรีรัตน์ คาดว่า ในปี 2551 การใช้งานสนามบินสุวรรณภูมิจะเต็มขีดความสามารถ ส่วนการขยายสนามบินระยะที่ 2 นั้นจะต้องรอผลการศึกษาที่ว่าจ้าง องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่จะมีการสรุปแผนการใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองภายในเดือน ม.ค.2551 จากนั้นจึงกำหนดทิศทางที่ชัดเจนได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปโดยเฉพาะการแยกเที่ยวบินต้นทุนต่ำทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศไปใช้ที่สนามบินดอนเมืองจะช่วยลดความแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิและชะลอแผนการลงทุนออกไปได้อีก

ส่วนแผนแม่บทเดิมกำหนดการลงทุนสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ภายในปี 2551 โดยการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินลอง หรือ มิดฟิวส์คองคอดซึ่งจะมีหลุมจอดเพิ่มอีก 28 หลุม และรันเวย์ที่ 3 วงเงินประมาณ 48,000 ล้านบาท โดยได้มีการปรับปรุงพื้นที่และอุโมงค์ที่จะต่อเชื่อมไปยังมิดฟิวส์คองคอดแล้ว หากจะก่อสร้างเฟส 2 จะใช้เวลาประมาณ 1ปีครึ่ง ซึ่งจะขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 ล้านคนต่อปี หรือจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 55 ล้านคนต่อปี( รองรับได้อีก 3 – 5 ปีข้างหน้า) ซึ่งแผนลงทุนเฟส 2 ต้องปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับผลการศึกษาของICAO ที่จะสรุปออกมาด้วย

นายเสรีรัตน์ กล่าวต่อว่า ที่ต้องรอผล ICAO ทบทวนแผนแม่บทขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า สุวรรณภูมิและดอนเมืองจะใช้สำหรับบริการสายการบินประเภทใดเพราะจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบและวงเงินในการลงทุน หากใช้ดอนเมืองสำหรับ โลว์คอสต์แอร์ไลน์ สุวรรณภูมิสำหรับเที่ยวบินทั่วไป รูปแบบการให้บริการทั้ง 2 สนามบินจะต่างกันและการลงทุนเฟส 2 ของสุวรรณภูมิก็จะต้องปรับให้เข้ากับรูปแบบการบริการด้วยเพราะการให้บริการระหว่าง โลว์คอสต์กับ สายการบินปกติต่างกันและทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายของสุวรรณภูมิในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น

AOC ยอมรับปัญหาสุวรรณภูมิคลี่คลาย

ว่าที่ร้อยตรีหญิงโสภิณ แดงเทศ ประธานสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการบิน ( AOC) ซึ่งมีสายการบินเป็นสมาชิกกว่า 80 สายกล่าวว่า การแก้ปัญหาในการให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิทำได้ระดับหนึ่งซึ่งสายการบินส่วนใหญ่รู้สึกพอใจในการเร่งรัดแก้ปัญหาของทอท.แต่ยังมีส่วนที่ยังล่าช้า ซึ่งเกิดจากการใช้งบประมาณ เช่น การทำทางเชื่อมมีหลังคา ( Walk Way) ระหว่างอาคารสำนักงานกับ อาคารผู้โดยสาร งบประมาณ 5 ล้านบาท ตกลงกันนานแล้วแต่ยังไม่ทำเพราะติดเรื่องงบประมาณ ซึ่งแม้ทอท.จะเป็นบริษัท มหาชนแล้วแต่การทำงานยังมีขั้นตอนที่ยังมีความเป็นราชการอยู่ อีกทั้งผู้บริหารยังไม่มีอิสระในการบริหารงานมากนักรวมถึงการที่ยังไม่มีผู้บริหารสูงสุดตัวจริง แต่เชื่อว่าการสรรหาเรียบร้อยจะทำให้การแก้ปัญหาเร็วมากขึ้น

ใช้ สนามบินเดียว ( Single Airport) หนุนเป็นฮับ

ประธาน AOC กล่าวว่า จุดยืนของ AOC ในขณะนี้คือการสนับสนุนให้ทอท.ใช้ สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว ( Single Airport) ซึ่งจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นฮับในภูมภาคได้ตามเป้าหมาย เพราะการใช้สนามบินดอนเมืองควบคู่ไปด้วย จะทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก และสายการบินจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยการใช้สนามบิน 2 แห่ง จะประสบความสำเร็จเมื่อระบบการขนส่งที่เชื่อมระหว่าง 2 สนามบินมีความพร้อมและสะดวกรวดเร็วมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้ระบบขนส่งระหว่าง สุวรรณภูมิและดอนเมืองยังไม่มี รัฐก็ยังไม่ควรเร่งรัดการใช้ 2 สนามบิน

อีกทั้งการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศ ที่ไม่มีผู้โดยสารต่อเครื่องกลับมาใช้ดอนเมืองในขณะนี้ไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อการให้บริการที่สุวรรณภูมิ หรือลดความแออัดใดๆ เพราะสายการบินระหว่างประเทศส่วนใหญ่ จะมีเที่ยวบินในช่วงกลางคืน ซึ่ง เป็นช่วงเวลาที่เที่ยวบินภายในประเทศไม่ได้ทำการบินอยู่แล้ว

"ในภาพรวมและการได้รับฟังความเห็นจากทั้ง สายการบินต่างชาติและผู้โดยสาร ส่วนใหญ่เห็นว่า สนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้มีปัญหามากตามที่มีข่าวออกมาซึ่งที่ผ่านมา ทอท.ได้พยายามแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการให้บริการของสายการบินและมีการทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น" Manager Online