กทม.เตรียมเปิดตัว “บัตรเดียวเที่ยวกรุงเทพฯ” 19 ก.ย.นี้ เอาใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ มอบสิทธิพิเศษ ส่วนลด 10-70 เปอร์เซ็นต์ เลือกซื้อสินค้า-บริการในห้าง ร้านอาหาร โรงพยาบาล สนามกอล์ฟ โรงแรม สปา ฯลฯ ส่วนโครงการให้ข้อมูลท่องเที่ยวผ่านคอมพิวเตอร์ด้วยตู้ทัชสกรีน เปิดตัวเดือนตุลาคมนี้

วันที่ 13 กันยายน นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.จะเปิดตัว “บัตรเดียวเที่ยวกรุงเทพฯ” หรือ Bangkok Smile Card ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เวลา 18.00 น. ณ ลานพาร์ค พารากอน ในงาน “กรุงเทพฯ เมืองยิ้ม 360 องศา” เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย โดยมอบส่วนลดร้อยละ 10-70 ในการซื้อสินค้าและบริการในศูนย์การค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล สนามกอล์ฟ โรงแรม สปา ฯลฯ ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 1,075 แห่ง

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้พาสปอร์ตสมัครที่ซุ้มบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวทั้ง 11 แห่ง ประกอบด้วย หน้าวัดพระแก้ว, หน้าวัดชนะสงคราม ถ.ข้าวสาร, เกาะกลางวงเวียน 13 ห้าง บางลำพู, แอมบาสซาเดอร์ , ทางลงรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง, เซ็นทรัลเวิลด์, สยามพารากอน, หน้ามาบุญครอง, ทางเข้าสวนจตุจักร, สถานีรถไฟฟ้าอโศก และริเวอร์ซิตี้ สี่พระยา

นอกจากนี้ยังสามารถสมัครได้ที่กองการท่องเที่ยว กทม. ถ.พระอาทิตย์ และเคาน์เตอร์ ททท.ในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยในปีแรก ตั้งเป้าไว้ที่ 100,000 ใบ บัตรมีอายุการใช้งาน 2 ปี สามารถดูรายชื่อร้านค้าและสิทธิพิเศษจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ www.bangkoktourist.com/bangkoksmilecard

ททท.แผนสูง กล่อมเพื่อนบ้าน จัดแพกเกจทัวร์ราคาพิเศษ ดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดอเมริกา เดินทางมาเอเชียช่วงไฮซีซันปีนี้ พร้อมจีบประธานแอสต้า ชวนมาจัดประชุมสมาชิกที่ประเทศไทย หวังต่อยอดโปรโมตสินค้าและบริการท่องเที่ยว ขยาบฐานนักท่องเที่ยวอเมริกา และกลุ่ม EXPAT

นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมใช้เวทีที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 13 ก.ย.หารือกับสมาคมบริษัทนำเที่ยวอเมริกา (แอสต้า) ซึ่งสาระสำคัญ คือ จะนำเสนอในรูปแบบเชิญชวนตัวแทนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในภูมิภาค ที่เป็นจุดต่อเส้นทางบินมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาร่วมมือกับประเทศไทย จัดทำแพกเกจท่องเที่ยวราคาพิเศษ เสนอขายต่อนักท่องเที่ยวในตลาดอเมริกาให้เดินทางเข้ามาเที่ยวเอเชียช่วงไฮซีซันปีนี้

ทั้งนี้ เชื่อว่า หากมีการนำเสนอข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว ถึงความง่ายและสะดวกที่จะเดินทางมาประเทศไทย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงแพกเกจทัวร์ในราคาที่น่าสนใจ จะช่วยให้คนอเมริกัน และชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศอเมริกา ตัดสินใจในการเดินทางได้เร็วขึ้น เพราะเดินทางเพียงครั้งเดียวสามารถมาพักผ่อนได้หลายประเทศ ซึ่งบางทีคนเอเชียที่ไปอาศัยเพื่อทำงานหรือมีครอบครัวอยู่ที่อเมริกา จะได้ใช้โอกาสนี้เดินทางมาเที่ยวและแวะพักที่บ้านเกิดของตัวเอง ในคราวเดียวกัน

เอเอฟพี - "แวนคูเวอร์"ในประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่ได้รับการจัดอันดับว่าน่าอยู่ที่สุดในโลก จากการสำรวจล่าสุดโดยอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ขณะที่ "กรุงเทพมหานคร" อยู่อันดับที่ 100 ส่วนเมืองที่ได้ชื่อว่าน่าอยู่น้อยที่สุดคือกรุง"ฮาราเร" ของซิมบับเว

สำนักวิจัยอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิตหรือ"อีไอยู"เผยรายงานการสำรวจเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี2008 เมื่อวันจันทร์(8) โดยระบุว่า เมืองแวนคูเวอร์ในรัฐบริติชโคลัมเบียทางตะวันตกของแคนาดาได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

อีไอยูบอกว่าการสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นโดยการศึกษาตัวแปรสำคัญ 5 ประการในเมืองใหญ่ทั่วโลก คือ ตัวแปรทางด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน ความมีเสถียรภาพ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การศึกษา รวมทั้งโครงสร้างด้านสาธารณูปโภค

ผลสำรวจครั้งนี้พบว่าเมืองในอเมริกาเหนือและยุโรปส่วนใหญ่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่มากกว่าบรรดาเมืองในเอเชียและแอฟริกา ที่ยังขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐาน และยังมีความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ

เมืองที่น่าอยู่ที่สุดของโลกตามรายงานของอีไอยูครั้งนี้ประกอบด้วย แวนคูเวอร์ในแคนาดาซึ่งได้98 จาก 100 คะแนน, เวียนนาในออสเตรีย 97.9, เมลเบิร์นในออสเตรเลียได้ 97.5, โตรอนโตในแคนาดาได้ 97.2, เพิร์ธในออสเตรเลีย และแคลแกรีในแคนาดาได้ 96.6 เท่ากัน, เฮลซิงกิในฟินแลนด์ได้ 96.2, ส่วนอีก 3 เมืองคือเจนีวา กับ ซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ และซิดนีย์ของออสเตรเลียอยู่อันดับ 8 ร่วมกันโดยได้คะแนน 96.1

นครโอซากาของญี่ปุ่น เป็นเมืองที่ได้รับการจัดอันดับว่าน่าอยู่ที่สุดของเอเชีย แต่เป็นอันดับที่ 13 ของโลก ส่วนกรุงโตเกียวอยู่อันดับ 19 ร่วมกับนครแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมัน

เอเยนซี – จีนและฮ่องกงลงนามเพิ่มข้อตกลงใน CEPA ขยายตลาดธุรกิจให้บริษัทในฮ่องกง และผ่อนปรนกฎการทำวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ที่จะเข้าสู่เกาะฮ่องกงและไต้หวัน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจบนเกาะให้คึกคักท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย

จากแถลงการณ์ของข้อตกลงคู่หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและฮ่องกง หรือ CEPA ที่ได้เพิ่มเติมในวันอาทิตย์(10 พ.ค.) นี้จะอนุญาตให้กลุ่มนักเดินทางจากแผ่นดินใหญ่สามารถเดินทางสู่ไต้หวันและฮ่องกงได้โดยขอวีซ่าเพียงครั้งเดียว (single visa) และจะผ่อนปรนกฎระเบียบให้กับ ธุรกิจภาคต่างๆ รวม 20 ธุรกิจ เช่น ธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์ การขนส่งทางรถไฟและการวิจัย

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มเติมในข้อตกลงของ CEPA หรือ ข้อตกลงคู่หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและฮ่องกงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของฮ่องกงให้ดีขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงซบเซา ซึ่งการลงนามเพิ่มเติมในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 6 ของ CEPA นับตั้งแต่มีการบังคับใช้ข้อตกลงเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2547 (2004) ขณะที่ฮ่องกงกำลังต่อสู้กับการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน หรือ ซาร์ส เมื่อพ.ศ. 2546 (2006)

ด้านเจมส์ ซ่ง อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุว่า เป็นความร่วมมืออีกระดับที่จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างฮ่องกงและเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำไข่มุกของจีน และยังเป็นความช่วยเหลือครั้งสำคัญที่จะทำให้ฮ่องกงก้าวพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ข้อตกลงเพิ่มเติมยังได้อนุญาตและผ่อนคลายให้กลุ่มธนาคารของฮ่องกงเข้ามาตั้งธนาคารสาขาในมณฑลกวางตุ้งได้ง่ายขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึงบริษัทโบรกเกอร์ต่างๆ ด้วย โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้

นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ รฟท. ได้กำหนดให้จัดทำรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ แอร์พอร์ตลิงก์ ทั้งความคืบหน้าการก่อสร้าง การเปิดใช้บริการ การตั้งที่ปรึกษาเพื่อรับรองความปลอดภัย การบริหารจัดการเดินรถ เพื่อนำไปหารือกับ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง ซึ่งเป็นกรรมการที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามความพร้อมในการเปิดใช้บริการแอร์พอร์ตลิงก์ ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ ว่าส่วนไหนสามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดเปิด ในวันที่ 12 สิงหาคม

ทั้งนี้ การก่อสร้างผู้รับเหมาได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการ แล้วเสร็จ 98 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการตกแต่ง ซึ่งการส่งมอบจะทันเดือนสิงหาคม และหลังจากนั้นจะต้องมีการทดสอบการเดินรถอีก 3 เดือน ซึ่งจะเปิดให้บริการได้จริงในเดือนธันวาคม แต่ รฟท.ยืนยันว่า เปิดให้บริการได้ภายในเดือนสิงหาคมอย่างไม่เป็นทางการ โดยในช่วงดังกล่าวยังไม่เก็บค่าบริการ ซึ่งจะเก็บจริงในเดือนธันวาคม

เซินเจิ้นแอร์ สยายปีก เปิดเส้นทางบินเข้าประเทศไทย ประเดิมรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ เชื่อได้ประโยชน์กับทั้งสองประเทศ ตอกย้ำไทยเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าปีแรกกวาดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยกว่า 2 หมื่นคน สร้างรายได้เฉียด 600 ล้านบาท

นายหลี่ เฉียง ผู้ช่วยประธานกรรมการ สายการบินเซินเจิ้น แอร์ไลน์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 31 มี.ค.52 สายการบินเซินเจิ้น จะเริ่มเปิดเที่ยวบิน เซินเจิ้น-กรุงเทพฯ โดยช่วงแรกจะบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน และจะเพิ่มเป็นเดลี่ไฟล์ทในเดือนก.ย.52 นอกจากนั้นในวันที่ 1 พ.ค.52 จะเปิดเส้นทาง เซินเจิ้น-ภูเก็ต ด้วย ซึ่งการเปิดเส้นทางบินครั้งนี้ทำให้เซินเจิ้นแอร์ไลน์เป็นฮับ ขนส่งนักท่องเที่ยวจาก 34 มณฑลใน 57 เมือง ที่เซินเจิ้นแอร์ไลน์มีเส้นทางบินอยู่ใ ห้เดินทางเข้ามาประเทศไทยได้สะดวกขึ้น หรือประมาณปีละ 20,000 คนในช่วงปีแรก

“การเปิดเส้นทางบินครั้งนี้ จะตอกย้ำให้เมืองเซินเจิ้นเป็นฮับขนผู้โดยสารจากประเทศจีนมาประเทศไทย ขณะเดียวกัน ไทยก็จะได้เป็นฮับในการกระจายนักท่องเที่ยวสู่ประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ”

อย่างไรก็ตาม นโยบายของเวินเจิ้นแอร์ไลน์ปีนี้ นอกจากเปิดเส้นทางบินมาประเทศไทยแล้ว ยังมีแผนเปิดไปเส้นทางไปเดสติเนชั่นอื่นๆด้วย เช่น สิงคโปร์ ฮานอย เสียมราฐ และ โตเกียว เป็นต้น โดยจะทยอยเปิดตั้งแต่ปีนี้ ถึงปีหน้า

ASTVผู้จัดการออนไลน์-- สายการบินลาวประกาศลดราคาตั๋วโดยสารลงระหว่าง 20-30% ในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศในช่วงเทศกาลบุญขึ้นปีใหม่ประเพณี หรือเทศกาลสงกรานต์

ตามรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว (ขปล.) จำนวนผู้โดยสารลดวูบลงถึง 40% ในช่วงเดือนแห่งการท่องเที่ยวขณะนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันการบินลาวให้บริการเส้นทางระหว่างนครเวียงจันทน์กับกรุงเทพฯ เสียมราฐ และคุนหมิงกับอีกจำนวนหนึ่งในอนุภูมิภาค

นอกจากนั้นยังให้บริการบินตรงหลวงพระบาง-กรุงเทพฯ วันละ 2 เที่ยวไปกลับอีกด้วยอีก

เวียงจันทน์กับหลวงพระบาง ได้เป็นปลายทางสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ประเพณี

ทางการจะเปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้สงน้ำพระตามวัดที่มีความเก่าแก่และสวยงามหลายแห่ง รวมทั้งวัดสีสะเกดที่อยู่ระหว่างการบูรณะ วัดอินแปง วัดองตื้อ และ วัดสีเมือง

นอกจากนั้นทุกๆ ปีจะมีการฉลองเทศกาลปีใหม่ประเพณีริมแม่น้ำโขง มีประเพณีแข่งเรือ และแสดงมหรสพต่างๆ

คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเวียงจันทน์ โดยทางบกมากกว่าทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไทยและลาวฝ่ายเปิดเดินรถไฟสายประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา

ฝ่ายลาวได้เริ่มให้บริการตรวจคนเข้าเมืองที่สถานีรถไฟบ้านดงโพสี แล้วตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.เป็นต้นมา ผู้โดยสารไปกับรถไฟจะต้องแสดงหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต ที่สถานีรถไฟหนองคายก่อน

หากไม่มีหนังสือเดินทางก็จะต้องขอหนังสือผ่านแดนชั่วคราว แบบเดียวกับที่ด่านสะพานมิตรภาพหนองคาย-เวียงจันทน์

ยังไม่ทันย่างเข้าสู่เดือนเมษา แต่อากาศได้ร้อนตับแลบกันมาระยะหนึ่งแล้ว ทำเอาไม่อยากจะออกไปไหนมาไหนให้แสงแดดแผดเผา ไม่ได้กลัวว่าแดดจะเพิ่มความดำให้ผิวกร้านๆของฉันหรอกนะ แต่กลัวว่าความร้อนจะทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งตาขวาง น้ำลายฟูมปากไปได้ ตอนกลางวันก็เลยต้องเก็บเนื้อเก็บตัว พอแดดร่มลมตกเมื่อไหร่ค่อยออกไปเริงร่า

ประจวบเหมาะกับในช่วงนี้ที่มีแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนแห่งใหม่มาให้เราได้ไปเที่ยวกัน ไม่ใช่ที่เที่ยวแบบติ๊ดชึ่ง กินเหล้าเคล้านารี แต่เป็นสถานที่ช้อปปิ้งในช่วงกลางคืนที่เหมาะกับสภาพอากาศในช่วงนี้เป็นที่สุด

ตลาดนัดกลางคืนแห่งแรก ขอเริ่มกันที่ "ตลาดจตุจักรมิดไนท์" หรือตลาดนัดจตุจักรที่เพิ่งเปิดแผงใหม่เวลาใหม่ให้ซื้อ-ขายกันได้ทุกวันศุกร์ เริ่มตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน เพิ่งเริ่มเปิดให้ขายกันได้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

โดยเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้ผู้ที่ต้องการหารายได้เพิ่มเติมในช่วงเศรษฐกิจกำลังตกต่ำย่ำแย่อย่างนี้ได้มาเช่าแผงขายของกันตามถนัด และจะผลัดเปลี่ยนผู้ค้ารายอื่นๆได้มาขายสลับกันไปบ้างโดยใช้วิธีการจับฉลากผู้เช่าแผงใหม่ทุกเดือน เรียกว่าก็จะมีสินค้าใหม่ๆ ผลัดเปลี่ยนมาขายกันไปทุกเดือนๆ ด้วยเช่นกัน

ตามปกติแล้วตลาดนัดจตุจักรที่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์นั้นก็เป็นตลาดนัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอยู่แล้ว และเมื่อเปิดให้ขายกันวันศุกร์อย่างนี้กระแสตอบรับก็ดูจะดีไม่แพ้กัน เพราะหลังฉันก็ได้แอบไปดูลาดเลามาเมื่อวันศุกร์ที่แล้วก็เห็นว่าคึกคักกันทั้งคนซื้อคนขายเลยทีเดียว

ASTVผู้จัดการรายวัน — หน่วยงานการท่องเที่ยวไทยและพม่า กำลังร่วมกันหาช่องทางส่งเสริมการท่องเที่ยวประกอบกิจกรรมศาสนาโดยหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศในอาเซียน เชื่อมต่อกิจกรรมเลยเข้าสู่อินเดียอันเป็นถิ่นฐานต้นกำเนิด

เจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของสองประเทศประชุมร่วมกันในกรุงย่างกุ้งสัปดาห์ปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และเห็นพ้องกันว่าการท่องเที่ยวกิจกรรมพุทธศาสนา มีศักยภาพสูง และยังสอดคล้องกับความตกลงของกลุ่มอาเซียนที่ประชุมในกรุงมะนิลาเดือน พ.ค.2551 อีกด้วย

เจ้าหน้าที่กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวพม่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คณะกรรมการการตลาดพม่า สมาคมการท่องเที่ยวพม่า สภาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ สมาคมบริษัทนำเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ประชุมเรื่องนี้ที่โรงแรมอินเลเลค

ผู้แทนจากไทยจำนวน 22 คน รวมทั้งนักเขียนบทความการท่องเที่ยว ยังได้ร่วมเดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาในภาคเหนือของไทยและภาคเหนือของพม่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดทริปนี้ขึ้นวันที่ 17-22 ก.พ.ที่ผ่านมา นิตยสารข่าวรายสัปดาห์เมียนมาร์ไทมส์กล่าว

"ทางที่ดีที่สุดก็คือเริ่มจากไทยกับพม่าซึ่งมีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมพระพุทธศาสนา จะเห็นได้จากการที่เรารวมปลายทางในสองประเทศเข้าเป็นทริปเดียวกันได้" นิตยสารกึ่งทางการอ้างคำกล่าวของนายสุรพล เศวตเศรณี รองผู้ว่าฯ ฝ่ายนโยบายและวางแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไทย

ก่อนหน้านั้นคณะเจ้าหน้าที่ของไทยได้ออกสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาใน จ.เชียงราย เมืองเชียงตุง จ.ท่าขี้เหล็ก เมืองกุกาม (Bagan) และ กรุงย่างกุ้ง

"อีกไม่นานก็จะมีภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า เราจะเชื่อมเข้ากับอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งก่อเกิดของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร" นายสุรพลกล่าวกับนิตยสารข่าวฉบับเดียวกัน

รมว.คมนาคม รุดทดสอบแอร์พอร์ตลิงก์ เผย พอใจระบบรถไฟไม่มีปัญหา ยันเปิดให้บริการ 12 ส.ค.นี้แน่นอน แม้ยังพบปัญหาบางจุด ขณะที่ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.แจงความคืบหน้าก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงก์ขณะนี้แล้วเสร็จกว่า 97%

วันนี้ (13 ก.พ.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางไปตรวจเยี่ยมและทดลองการเดินรถ รวมทั้งจุดเช็กอินกระเป๋า ที่โครงการเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ แอร์พอร์ตลิงก์ โดยกล่าวยืนยันว่า โครงการดังกล่าวจะเปิดให้บริการในวันที่ 12 สิงหาคมนี้แน่นอน แม้ว่าขณะนี้ยังพบปัญหาในจุดเช็กอินบางจุด ส่วนการทดสอบในวันนี้ ตนรู้สึกพอใจที่ระบบรถไฟไม่พบปัญหา

ด้าน นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท.เปิดเผยว่า ขณะนี้ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงก์แล้วเสร็จกว่า 97% ซึ่งมั่นใจว่า ระบบต่างๆ จะแล้วเสร็จทันเปิดให้บริการแน่นอน

Manager Online