"แอร์เอเชีย" ไม่หวั่น!! "บินไทย" ท้าชนเปิดโลว์คอสต์แข่ง มั่นใจราคาจุดขาย

Submitted by admin on

บิ๊กแอร์เอเชีย มั่นใจยังครองส่วนแบ่งการตลาดโลว์คอสต์ แอร์ไลน์สสูงที่สุด แม้ "การบินไทย" มีแผนตั้ง "ไทเกอร์ แอร์เวย์ส" ขึ้นมาแข่ง แต่แนวโน้มตลาดสายการบินต้นทุนต่ำจะโตอีกอย่างน้อย 4-5% เชื่อราคาถูกยังเป็นจุดแข่งขัน

วันนี้ (24 ส.ค.) นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า แม้ว่าการบินไทย จะจับมือกับ "ไทเกอร์ แอร์เวย์ส" จากสิงคโปร์ เพื่อจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำ หรือโลว์คอสต์ "ไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส" และตามแผนดำเนินงานจะเริ่มขายตั๋วโดยสารในเดือน ก.ย.นี้ และจะเปิดบินให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือน มี.ค. 2554 นั้น เชื่อว่าตลาดโลว์คอสต์จะยังเติบโตได้อีก 4-5% และแต่ละสายการบินจะแข่งขันกันในเรื่องราคาต่ำสุดอย่างดุเดือดแน่นอน เพราะตลาดโลว์คอสต์ในประเทศ และต่างประเทศยังพอมีส่วนแบ่งการตลาดเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับระบบการบริหารจัดการ และฝีมือของผู้บริหารของแต่ละสายการบินจะมีกลยุทธ์และมีความสามารถที่จะดึงส่วนแบ่งการตลาดให้อยู่กับตัวเองมากน้อยแค่ไหน ส่วนไทยแอร์เอเชีย ยืนยันว่าจะไม่ถอยหนี และไม่หายไปไหน แม้ว่าจะแข่งกันดุในเรื่องราคาถูกสุดเพื่อเอาใจตลาด แต่ก็จะทำแบบมีลิมิต และเป็นจังหวะเวลา

ทั้งนี้ เนื่องจากไทยแอร์เอเชีย มั่นใจว่าจะยังครองส่วนแบ่งการตลาดโลว์คอสต์ และยังคงเข้าไปแย่งแบ่งเค้กก้อนนี้ได้อยู่ เนื่องจากไทยแอร์เอเชีย ปรับกลยุทธ์การตลาดสม่ำเสมอรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ โดยปัจจุบันไทยแอร์เอเชียมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศกว่า 27.5% ขณะที่การบินไทย มีส่วนแบ่ง 32% นกแอร์ 16% บางกอก แอร์เวย์ส 15.8% วันทูโก 8.4% ส่วนตลาดในเอเชีย ก็จะเห็นว่าตลาดโลว์คอสต์เข้ามาครองส่วนแบ่งการตลาดไปกว่า 18.1% และในส่วนนี้เป็นของแอร์เอเชียกว่า 11.5% ซึ่งจากตัวเองต่างๆ ก็พอจะมั่นใจได้ว่าแม้ว่าจะ มีโลว์คอสต์ทั้งเก่า และใหม่ แข่งกันดุ "ไทยแอร์เอเชีย" จะยังคงสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อีกกว่าปีละ 20-30% แน่นอน

นายทัศพล กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ได้เป็นที่กังขากันในวงการอุตสาหกรรมการบิน ว่า การที่ฝ่ายบริหารการบินไทยได้เลือก "ไทเกอร์ แอร์เวย์ส" ให้เข้ามาเป็นพันธมิตรเพื่อให้บริการโลว์คอสต์ ในนาม "ไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส" นั้นมีเหตุผลอะไร เพราะหากเป็นสายการบินอื่นๆ หรือนกแอร์ที่การบินไทยถือหุ้นอยู่หลายๆคนจะไม่ข้องใจเลย เพราะขณะนี้เป็นที่รู้กันว่า ไทเกอร์ แอร์เวย์ส ทั้งในสิงคโปร์ และที่ออสเตรเลียประสบปัญหาขาดทุนการดำเนินงานอย่างหนัก และการที่การบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของคนไทย จับมือกับสายการบินต่างชาติให้ เข้ามาบินในเส้นทางบินในประเทศในเส้นทางบินหลักๆ และทำกำไรที่การบินไทย และนกแอร์บินอยู่ จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า เส้นทางการเข้ามาร่วมทุนของ "ไทเกอร์ แอร์เวย์ส" กับการบินไทย คล้ายกับกรณีการตั้งสายการบิน "ไทยแอร์เอเชีย" อย่างมาก เนื่องจากมีกลุ่มกองทุนเทมาเส็ก เป็นผู้ถือหุ้นพันธมิตรทั้งคู่ แต่ในช่วงที่ไทยแอร์เอเชียจัดตั้งสายการบินกลับถูกกระแสรักชาติต่อต้านอย่างหนัก ในเรื่องนี้มองว่าเป็นเพราะไทยแอร์เอเชียมาเร็ว และเติบโตอย่างรวดเร็ว และก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ากว่า 7-8 ปี ที่ไทยแอร์เอเชียก่อตั้งขึ้นมากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ล้มลุกคลุกคลานกว่าจะฝ่าด่านตัวเอง สิ่งแวดล้อม ปัจจัยภายนอก ทั้งภัยธรรมชาติ ราคาน้ำมันที่ผันผวน รวมถึงปัญหาวิกฤติทางการเมืองที่เกิดขึ้นจนส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ก็ถือเป็นภูมิคุ้นกันอย่างดีที่จะทำให้ ไทยแอร์เอเชียกล้าที่ก้าวอย่างมั่นคง และสู้ต่อไป เพราะทุกวันนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ไทยแอร์เอเชีย ได้รับการยอมรับ มีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่าปีละ 20-30%

โดยในปี 2553 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 6.2 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่มีผู้โดยสารมาใช้บริการที่ 5.8 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ในปี 53 คาดว่าจะมีรายได้จากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท และมีกำไรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10%

Manager Online