การบินโลว์คอสท์แห่งที่ 2 เวียดนามเหิรขึ้นฟ้าเดือนหน้า

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- สายการบินเวียดเจ็ทแอร์ (VietJet Air) จะเปิดให้บริการในเดือน ธ.ค.นี้ หลังล่าช้ามานานหลายปี และการเจรจาร่วมทุนกับแอร์เอเชียแห่งมาเลเซียล้มเหลวเมื่อเดือนที่แล้ว แต่กำลังจะกลายเป็นสายการบินแบบต้นทุนต่ำแห่งที่ 2 ในประเทศนี้ถัดจากเจ็ทสตาร์แปซิฟิกแอร์ไลน์ส (JetStar Pacific)

เวียดเจ็ทแอร์ประกาศจะให้บริการระหว่างนครโฮจิมินห์-กรุงฮานอย และ ฮานอย-นครด่าหนัง กับด่าหนัง-โฮจิมินห์ ในชั้นแรก และจะเพิ่มอีกหลายเส้นทางเมื่อมีความพร้อมในอนาคตอันใกล้นี้ หนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนไทมส์รายงาน

เวียดเจ็ทฯ กำลังจะเป็นสายการบินเอกชนแห่งที่ 2 ถัดจากแอร์แม่โขง (Air Mekong) หากไม่นับรวมกับสายการบินอินโดไชน่า (Indochina Airlines) ที่เปิดให้บริการต้นปี 2551 และเลิกราในปลายปีเดียวกันเนื่องจากขาดทุนอย่างหนัก ในช่วงปีที่เศรษฐกิจตกต่ำ ธุรกิจการบินทั่วโลก ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

การเปิดให้บริการของเวียดเจ็ทฯ จะทำให้เวียดนามมีสายการบินเพิ่มเป็น 5 แห่ง ที่เหลือคือ เวียดนามแอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติกับเวียดนามแอร์เซอร์วิส หรือ "วาสโกแอร์ไลนส์" (Vietnam Air Service Co) และยังมีอีก 2 แห่งที่รอเปิดให้บริการ

เวียดเจ็ทแอร์ฯ ใช้เวลากว่า 2 เดือนเจรจาร่วมทุนกับแอร์เอเชีย โดยหวังจะใช้ชื่อ "เวียดเจ็ทแอร์เอเชีย" (VietJet AirAsia) และ ใช้ตราแอร์เอเชียเป็นเครื่องหมายการค้า แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการบินพลเรือนเวียดนาม ซึ่งให้เหตุผลว่าเวียดเจ็ทแอร์ฯ เป็นสายการบินเวียดนามไม่ควรใช้ตราของเครื่องบินสัญชาติอื่นๆ

ทางการเวียดนามกำลังมีปัญหาเดียวกันนี้กับเครื่องหมาย "เจ็ทสตาร์" บนเครื่องของเจ็ทสตาร์แปซิฟิก เนื่องจากเป็นเครื่องหมายการค้าของสายการบินเจ็ทสตาร์ (JetStar) สายการบินต้นทุนต่ำบริษัทลูกของแควนตัส (Qantas) แห่งออสเตรเลีย ซึ่งถือหุ้น 27% ในสายการบินสัญชาติเวียดนามแห่งนี้

นายหวอฮวีเกือง (Vo Huy Cuong) ผู้อำนวยการองค์การการบินพลเรือนเวียดนามเปิดเผยกับไซ่ง่อนไทมส์ว่า เวียดเจ็ทแอร์ เช่าเครื่องบินแอร์บัส A-320 จากสายการบินต่างประเทศแห่งหนึ่งจำนวน 3 ลำ ซึ่งลำแรกมีกำหนดส่งมอบเดือนนี้ และจะทำให้เปิดบริการได้ก่อนสิ้นปี

เพื่อเป็นการสนับสนุนสายการบินเอกชนที่ประสบปัญหามานาน องค์การการบินพลเรือนได้อนุญาตให้เวียดเจ็ทแอร์สามารถนำเข้าเครื่องบินได้ ก่อนได้รับใบอนุญาตการบินซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ไซ่ง่อนไทมส์กล่าว