คาเธ่ย์เน้นเปิดเส้นทางบินใหม่ แนะเร่งเพิ่มศักยภาพสุวรรณภูมิ

Submitted by admin on

คาเธ่ย์ เดินหน้าปั้นดราก้อนแอร์ สยายปีกคลุมภูมิภาคอินโดจีน ผจก.คนใหม่เผย ปลายปีนี้ เปิดเส้นทางจากฮ่องกง มาที่ เสียบเรียบ และ ย่างกุ้งตามลำดับ ระบุยังพร้อมดันไทยเป็นฮับในภูมิภาคอาเซียน แต่รัฐบาลต้องมีความชัดเจนเรื่องสนามบิน ย้ำไม่ควรเปิดใช้ 2 สนามบิน แต่ควรเร่งเพิ่มศักยภาพให้สุวรรณภูมิ

นายแอรอน ชาน ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก กำกับดูแล การดำเนินงานของ คาเธ่ย์ แปซิฟิก และ ดราก้อนแอร์ในไทยและกัมพูชา เปิดเผยภายหลังการเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวว่า ในระยะเวลา 3 ปีของการดำรงตำแหน่งนี้ จะเน้นเรื่องการเปิดเส้นทางบิน ให้ครอบคลุมเมืองหลักในกลุ่มประเทศอินโดจีน โดยจะดูความเหมาะสมว่า จะใช้ ดราก้อนแอร์ และ คาเธ่ย์ บินในเส้นทางใดบ้าง

จากผลการศึกษาเบื้องต้น ในส่วนของสายการบินดราก้อนแอร์ คาดว่าเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเปิดเส้นทางบิน ฮ่องกง- เสียมเรียบ(กัมพูชา) สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน และในปี 2551 จะเปิดเส้นทางบิน ฮ่องกง – ย่างกุ้ง (พม่า) กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ นักท่องเที่ยวทั่วไป และ นักธุรกิจ ขณะที่สายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิก ก็มีแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบิน เข้ามาประเทศไทยเช่นกัน โดยจะดูจากความต้องการของตลาด

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมของประเทศไทยขณะนี้ อยู่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ สำหรับคาเธ่ย์ แปซิฟิก ยังคงมองว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประตูสู่ภูมิภาคเอเชีย ทั้งในด้านการค้า และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะส่วนที่เชื่อมโยงกับฮ่องกง และ จีนแผ่นดินใหญ่ เห็นได้จากปริมาณ ผู้โดยสารสายการบิน และ ปริมาณการขนส่งสินค้า ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับ คาเธ่ย์ฯ และ ดราก้อนแอร์ได้อีกมาก

นายชาน กล่าวต่ออีกว่า สำหรับประเทศไทย การเปิดใช้สนามบิน 2 แห่ง คือ ดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพระทำให้ทั้งผู้โดยสาร และ สายการบิน เกิดความไม่สะดวก อีกทั้ง บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีการปรับขึ้นราคาค่าจอดเครื่องบิน(แลนด์ดิ้งฟี) ค่าภาษีสนามบิน(สำหรับผู้โดยสาร) ขณะที่ประเทศอื่นๆในละแวกใกล้เคียง และ ประเทศคู่แข่ง เขากลับให้เป็นอินเซนทีฟ เพื่อดึงสายการบินเข้ามาใช้บริการ

นอกจากนั้น การซ่อมแซมสนามบินสุวรรณภูมิ ที่รัฐบาลไทยต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน เพราะปัจจุบัน สนามบินสุวรรณภูมิถูกใช้เต็มพื้นที่แล้ว ซึ่งการบริหารจัดการพื้นที่ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกสายการบินจะพิจารณา แล้วนำไปกำหนดเป็นแผนธุรกิจ ซึ่งหากสนามบินใดมีแผนดำเนินงานที่ดีและชัดเจน จะเป็นปัจจัยที่สายการบินจะเลือกมาลง และหากสายการบินใดจะสั่งซื้อเครื่องบิน ก็จะดูจากสนามบิน เป็นข้อมูลประกอบด้วยเช่นกัน

ทางด้านนายยงยุทธ จุลินตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด ประจำประเทศไทยและพม่า สายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิก กล่าวว่า แผนธุรกิจของคาเธ่ย์ ที่จะดำเนินการในประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ ต้องการให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ที่จะเข้าสู่สนามบิน รวมถึงให้ ทอท.อำนวยความสะดวกในด้านการบริการให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ดราก้อนแอร์ และ คาเธ่ย์ฯ มีนโยบายทางการตลาดจะคล้ายกัน แต่กลุ่มเป้าหมายจะต่างกัน กล่าวคือ คาเธ่ย์ จะรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ และ นักธุรกิจ ส่วน ดราก้อนแอร์ จะเน้นนักท่องเที่ยวระดับบีลงมา และนักธุรกิจในภูมิภาค

Manager Online