เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สื่อต่างประเทศรายงาน กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทย ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่มี “อาหารริมทาง” ดีที่สุดของโลก ทั้งนี้เป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชื่อดัง “เวอร์ชวลทัวริสต์”

รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศหลายสำนักซึ่งอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่า กรุงเทพมหานครครองอันดับ 1 ในฐานะเมืองที่มีอาหารริมทางที่ดีที่สุดของโลก จากเมนูอาหารที่มีความหลากหลายและมีจำนวนมากซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อหารับประทานได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย ส้มตำ ข้าวเหนียวมะม่วง ตลอดจนแกงเขียวหวานไก่

เว็บไซต์ดังกล่าวซึ่งมีสมาชิกที่ลงทะเบียนกว่า 1.2 ล้านคนจาก 220 ประเทศทั่วโลกระบุว่า “ ซอยรามบุตรี” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดชนะสงครามและถนนข้าวสาร ขึ้นชื่อเรื่องการมีอาหารข้างทางที่หลากหลาย ขณะที่ซอย 38 บนถนนสุขุมวิทก็มีจุดเด่นในเรื่องของตลาดจำหน่ายอาหารในช่วงค่ำคืน ซึ่งเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจนถึงเวลา 03.00 น.

ขณะที่สิงคโปร์ซึ่งได้อันดับที่ 2 ถูกระบุว่า มีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานอย่างลงตัวของเมนูอาหารนานาชาติทั้งอาหารจีน มลายู อินเดีย รวมถึงอาหารเปรานากัน ทั้งยังเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องความสะอาดถูกหลักอนามัย ขณะที่เกาะปีนังของมาเลเซียติดโผเป็นอันดับที่ 3

ในส่วนของอันดับที่ 4-10 ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุดของโลก จากผลสำรวจในครั้งนี้ประกอบด้วยเมืองมาร์ราเกชของโมร็อกโก, เมืองปาแลร์โมในอิตาลี,นครโฮจิมินห์ ซิตีในเวียดนาม, อิสตันบูลของตุรกี, กรุงเม็กซิโก ซิตีของเม็กซิโก, กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม และปิดท้ายด้วยเกาะแอมเบอร์กริส เคย์ ประเทศเบลิซในอันดับที่ 10

Manager Online

ทอท.เอ็มโอยู 3 สายการบินโลว์คอสต์ย้ายกลับดอนเมืองตั้งแต่ 1 ต.ค. 55 คาดผู้โดยสารเพิ่มเป็น 14 ล้านคนต่อปี เตรียมจัดรถเวียนเชื่อม 2 สนามบินให้ความสะดวก ขณะที่สุวรรณภูมิเปิดใช้รันเวย์ตะวันออกแล้วตั้งแต่ 12.00 น.วันที่ 30 ก.ค. นี้

ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินแอร์เอเชีย และสายการบินอินโดนีเซียแอร์เอเชีย ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับ ทอท.ในการย้ายการให้บริการจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 สำหรับสายการบินต้นทุนต่ำอื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาการย้ายเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะทำให้ในปี 2556 ท่าอากาศยานดอนเมืองมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันมีสายการบิน คือ สายการบินนกแอร์ สายการบินโอเรียนท์ไทยฯ และมีสายการบินเช่าเหมาลำให้บริการ โดยมีผู้โดยสารประมาณ 3.4 ล้านคนต่อปี

ทั้งนี้ ทอท.ได้มีการปรับปรุงเพื่อเตรียมความพร้อมด้านกายภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดอากาศยาน อาคารเทียบเครื่องบิน อาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 ที่ปัจจุบันเปิดใช้บางส่วน รวมทั้งการจัดเคาน์เตอร์เช็กอินพร้อมระบบเช็กอิน และยังได้ปรับปรุงอาคารคลังสินค้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมศุลกากร ในการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากรให้เพียงพอต่อปริมาณการขนส่งทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น

แอร์พอร์ตลิงก์เตรียมหารือ AOC ดึงสายการบินตั้งเคาน์เตอร์เช็กอินที่สถานีมักกะสันเพิ่ม เหตุมีการบินไทยรายเดียว คนใช้บริการสุดน้อยเฉลี่ย 350 คนต่อเดือน คาดชัดเจนใน ส.ค. พร้อมจับมือคิงเพาเวอร์ และสามารถฯ อัดโปรโมชัน หวังเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร

นายปิยะ วิโรจน์โภคา ผู้จัดการส่วนแผนกการตลาด และพัฒนาธุรกิจ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้โดยสารมาใช้บริการเช็กอินที่สถานีมักกะสันประมาณ 350 คนต่อเดือน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการแอร์พอร์ตลิงก์ประมาณ 1 ล้านคนต่อเดือน หรือ 47,000 คนต่อวัน โดยแบ่งเป็นสาย Express Line 3,000 คนต่อวัน และ City Line 42,000 คนต่อวัน ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมหารือกับคณะกรรมการดำเนินการธุรกิจการบิน (AOC) ซึ่งเป็นผู้ประสานงานสายการบินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเปิดให้สายการบินอื่นๆ มาให้บริการเคาน์เตอร์เช็กอินที่สถานีมักกะสันเพิ่มจากปัจจุบันที่มีบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพียงสายการบินเดียวที่ให้บริการ คาดว่าในเดือนสิงหาคมน่าจะมีความชัดเจน ซึ่งล่าสุดมีสายการบิน Jet Star ของออสเตรเลีย แสดงความสนใจ โดยช่วงแรกบริษัทจะไม่คิดค่าใช้บริการกับสายการบิน

ทั้งนี้ การหารือกับ AOC เพื่อเป็นการสอบถามรายละเอียดต่างๆ จากสายการบินว่ามีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งบริการเช็กอินที่สถานีมักกะสันของแอร์พอร์ตลิงก์จะช่วยให้ผู้โดยสารที่เดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับความสะดวกมากขึ้น โดยสามารถโหลดกระเป๋าได้ทันทีที่สถานีมักกะสันทำให้สามารถเดินทางเพื่อไปขึ้นเครื่องบินได้ทันที” นายปิยะกล่าว

ผู้อำนวยการ ทอท. แจงรันเวย์สุวรรณภูมิฝั่งตะวันตก ที่เหลือใช้งานฝั่งเดียวเกิดยุบตัว เกิดจากปัญหาการใช้งานหนัก 6 ปี เกิดยุบตรงบริเวณจุดร่องล้อพอดี ต้องใช้เวลาซ่อม 20 นาทีก่อนเปิดใ้ช้ด้ตามปกติ ยันจุดที่ยุบตัวเป็นพื้นผิวยางมะตอย

นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2555 เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. รันเวย์ด้านตะวันตก 19R ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้พบร่องรอยยุบตัวของยางมะตอย บริเวณกึ่งกลางรันเวย์จุดร่องล้อที่เครื่องบินลง กว้าง 60 ซม. ยาว 60 ซม. ลึก 5 ซม. ทางทอท.ได้ประสานกับหอบังคับการบินเพื่อเข้าดำเนินการซ่อมแซมใช้เวลาซ่อมประมาณ 15 - 20 นาที โดยสามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติแล้วเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.

โดยในช่วงที่เกิดเหตุได้ส่งผลให้เที่ยวบินมีความล่าช้า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณเที่ยวบินค่อนข้างมาก ประกอบกับรันเวย์ฝั่งตะวันออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างปิดซ่อมแซมระยะทาง 1,620 เมตร ในช่วงเวลากลางคืนจะใช้สำหรับการขึ้นของเครื่องบินลำตัวแคบเช่น B 737, A320 โดยการขึ้น-ลงจะใช้รันเวย์ด้านตะวันตกเป็นหลัก ทำให้มีเที่ยวบินต้องเปลี่ยนไปลงท่าอากาศยานอื่นจำนวน 11 เที่ยวบิน โดยไปลงที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา 7 เที่ยวบิน ท่าอากาศยานดอนเมือง 3 เที่ยวบิน และท่าอากาศยานเชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน โดยหลังจากซ่อมจุดที่มีปัญหาเสร็จ ทุกเที่ยวบินได้กลับมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามตารางบิน

นายสมชัย ยอมรับว่า รันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ มีการใช้งานหนักมาตั้งแต่เปิดให้บริการประมาณ 6 ปีซึ่งได้มีการซ่อมแซมมาเป็นระยะ โดยจุดที่เกิดเหตุเคยมีการซ่อมแซมแล้ว โดยยืนยันว่าเป็นการยุบตัวของยางมะตอย ซึ่งเป็นผิวรันเวย์ ไม่ใช่ชั้นที่เป็นคอนกรีต

Manager Online

รันเวย์สนามบิน "สุวรรณภูมิ" เกิดปัญหาพื้นยุบตัวเป็นหลุมกว้าง สายการบินป่วนหนัก ลงจอดไม่ได้ เพราะเหลือใช้งานแค่ 1 เส้น เผยมีการแก้ไขแล้ว แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้ ผู้โดยสารทวีตแก้เครียด ระบุ เครื่องแต่ละลำดีเลย์กันเป็นว่าเล่น ประมาณ 2 ชั่วโมง หลายลำต้องไปลงที่อื่น

รายงานข่าวแจ้งว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้เกิดปัญหารันเวย์ของสนามบินที่ปัจจุบันเหลือใช้งานได้เพียง 1 เส้น เกิดปัญหาพื้นยุบตัวเป็นหลุมกว้าง ส่งผลให้เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด ทสภ. ได้ใช้วิธีโบกปูนแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้ เพราะต้องรอให้ปูแห้งตัว

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ผู้โดยสารที่ใช้ชื่อ ParitatLiang ได้ทวีตข้อความว่า "ผมทํางานหนามบิน เครื่องแต่ละลําดีเลย์เป็นว่าเล่นกันเลย หลายลําไปลงที่อื่น ของผมดีเลย์พอดีๆ 2 ชม"

Manager Online

การบินไทยจ่อยกเลิกบินเส้นทางกรุงเทพ-เกาะสมุย ชี้ขาดทุนต่อเนื่อง เหตุค่าบริการขึ้น-ลง ที่บางกอกแอร์เวย์ส เจ้าของสนามบินเรียกเก็บกว่าแสนบาทต่อเที่ยวสุดแพง เผยผู้โดยสารเต็มลำก็ไม่คุ้ม เผยมีเกือบ 10 เส้นทางที่ขาดทุนเตรียมลดเที่ยวบินและปรับขนาดเครื่องบินเพื่อลดดค่าใช้จ่าย

แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณายกเลิกเส้นทางบิน กรุงเทพ-เกาะสมุย เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีรายได้น้อยกว่าค่าใช้จ่ายประกอบการบริษัท กรุงเทพการบิน จำกัดซึ่งเป็นผู้บริหารท่าอากาศยานสมุยได้มีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้บริการขึ้นเป็นกว่า 100,000 บาทต่อเที่ยวบิน จึงเกิดการขาดทุนอย่างต่อเนื่องแม้จะมีจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งก็ตาม โดยคณะกรรมการ (บอร์ด) จะมีการพิจารณาสรุปความชัดเจนในการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work Shop) ภายใน 2 สัปดาห์นี้

ทั้งนี้ การยกเลิกเส้นทางกรุงเทพ-สมุยจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารล่วงหน้า เพราะจะมีการประชาสัมพันธ์และปิดการจองตั๋วก่อนที่จะมีการยกเลิก นอกจากนี้ผู้โดยสารยังสามารถใช้บริการสายการบินอื่นแทนได้ ในขณะเดียวกันการบินไทยจะสามารถนำเครื่องบินที่ให้บริการอยู่ไปให้บริการในเส้นทางอื่นที่สามารถทำกำไรเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้บริษัท

“การบินไทยเปิดให้บริการกรุงเทพ-สมุย ประมาณ 5 ปี วันละ 2 เที่ยวบิน โดยเครื่องบินโบอิ้ง B 737-400 ซึ่งจุผู้โดยสารได้ประมาณ168 คน โดย ปีแรกที่เปิดให้บริการ สนามบินสมุยคิดค่าบริการค่าขึ้น-ลง ประมาณ 7-8 หมื่นบาทต่อเที่ยวบิน และปรับเพิ่มขึ้นทุกปีจนถึงแสนกว่าบาทต่อเที่ยวบินรายได้น้อยกว่าค่าใช้จ่ายไม่ มีทางออกอื่น ประเมินแล้วไม่บินดีกว่าบินแน่นอน”แหล่งข่าวกล่าว

การบินไทยแจ้งมาตรการรองรับ สุวรรณภูมิซ่อมแซมรันเวย์ ตั้งแต่ 11 มิ.ย. - 9 ส.ค. 55 ให้ผู้โดยสารสำรองเวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 80 นาที ยืนยันมีมาตรการเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร หากเกิดกรณีเที่ยวบินของการบินไทยไม่สามารถลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้

นายดนุช บุนนาค กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจการบริการภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยได้วางแผนรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปิดซ่อมแซมทางวิ่ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน - 9 สิงหาคม 2555 โดยการบินไทยได้ประสานงานร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด หากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีการจราจรทางอากาศหนาแน่น และเที่ยวบินของการบินไทยไม่สามารถลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ การบินไทยมีความพร้อมในการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเครื่องลงจอด ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสำรองอื่นๆ

ทั้งนี้ การบินไทยได้จัดพนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมให้บริการผู้โดยสารในเที่ยวบินของการบินไทย กรณีที่มีความจำเป็นต้องลงจอด ณ ท่าอากาศยานสำรอง เพื่อรอเวลานำเครื่องกลับมาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป

อย่างไรก็ตาม การบินไทยขอความร่วมมือผู้โดยสารที่มีตารางการเดินทางในช่วงระหว่างการปิดซ่อมแซมทางวิ่ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอให้สำรองเวลาสำหรับการเดินทางต่อเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไม่น้อยกว่า 80 นาที ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลตารางการบินได้ที่ THAI Contact Center : 02-356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

Manager Online

ผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ป่วนอีก หลังขบวน Express มักกะสัน-สุวรรณภูมิ เดี้ยงกลางทางต้องหยุดให้บริการกว่าครึ่งชั่วโมง แจงเหตุไฟฟ้าไม่เข้ามอเตอร์ เร่งซ่อม คาดเย็นนี้เปิดได้ปกติ เลี่ยงไปใช้รถไฟฟ้าสาย City Line ที่ยังให้บริการตามปกติแทน “ภากรณ์” ยอมรับปัญหาเกิดจากขบวนรถมีน้อย ซึ่งล่าสุดบอร์ด ร.ฟ.ท.เห็นชอบซื้อใหม่ 7 ขบวน รอเสนอ ครม.คาดอีก 2 ปีได้ใช้ พร้อมเร่งเจรจาซีเมนส์แก้ปัญหาอะไหล่ชำรุดเร็วกว่ากำหนด

นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ของวันที่ 15 มิถุนายน 2555 แอร์พอร์ตลิงก์ต้องหยุดให้บริการไปกว่าครึ่งชั่วโมง เนื่องจากขบวนรถไฟฟ้าสาย Express Line ที่ให้บริการจากมักกะสัน-สุวรรณภูมิ-มักกะสัน (Makkasan Express) เกิดขัดข้อง ระบบไฟฟ้าไม่สามารถจ่ายเข้ามอเตอร์ได้ จึงต้องนำรถไปลากขบวนดังกล่าวเข้าซ่อม ทำให้ต้องหยุดให้บริการทั้งระบบ หลังจากนั้นจึงเปิดให้บริการ โดยขบวนสาย City line ให้บริการตามตารางเดินรถปกติ ส่วนรถไฟฟ้าสาย Express Line (Phaya Thai Express ให้บริการจากพญาไท-สุวรรณภูมิ- พญาไท) จะให้บริการตามปกติ ยกเว้น Makkasan Express และเคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินไทยประจำสถานีมักกะสันจะงดให้บริการชั่วคราว โดยคาดว่าจะซ่อมแซมได้เรียบร้อยภายในบ่ายวันเดียวกันและเปิดให้บริการตามปกติได้ในช่วงเย็น

“ขบวนรถ Express Line ขบวนจากมักกะสัน-สุวรรณภูมิ-มักกะสัน เกิดเสียช่วงสถานีหัวหมาก ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายและทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก แต่ฝ่ายซ่อมบำรุงตรวจพบเหตุขัดข้องจากไฟฟ้าไม่เข้ามอเตอร์ เป็นปัญหาด้านเทคนิคไม่ได้เกิดจากอะไหล่ มั่นใจว่าจะแก้ไขได้ภายใน 1 วัน” นายภากรณ์กล่าว

กรุงโตเกียวถูกจัดอันดับให้เป็นเมือง ที่มีค่าครองชีพต่อปีสูงสุดในโลก จากการสำรวจโดยเมอร์เซอร์ บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลในอังกฤษ ขณะที่เมืองการาจีของปากีสถานได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุด ส่วนกรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 81 ของโลก

ผลสำรวจของเมอร์เซอร์ ซึ่งจัดอันดับตามความจำเป็นของผู้อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ระบุว่า เมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นมีอัตราค่าครองชีพรายปีแพงสุดในโลก ที่ซึ่งคุณต้องซื้อกาแฟ 1 แก้วในราคาถึง 250 บาท หนังสือพิมพ์ฉบับละเกือบ 200 บาท และนมลิตรละร่วม 100 บาททีเดียว

เมืองที่มีอันดับรองลงมาคือ ลูอันดา ในแองโกลา ที่ซึ่งประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 5 ล้านคนต้องอาศัยอยู่อย่างอดอยาก และกระทรวงต่างประเทศต้องประกาศเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้ออกนอกสถานที่ในเวลากลางคืน

หลายๆ เมืองในอังกฤษมีอันดับร่วงลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงการอ่อนค่าของเงินปอนด์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยกรุงลอนดอนตกจากอันดับ 18 มาอยู่ในอันดับ 25 ของเมืองที่ค่าครองชีพสูงสุดในโลก ตามหลังเมืองหลวงของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียหลายแห่ง

ผลสำรวจนี้ยังเน้นให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางเศรษฐกิจไปยังจีน และอีกหลายประเทศ ที่จัดส่งทรัพยากรสำคัญๆ ให้แก่แดนมังกร โดยเมืองอุตสาหกรรมอย่างเซี่ยงไฮ้ ไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 16 และกรุงปักกิ่งในอันดับที่ 17 นำหน้าเมืองใหญ่อย่างกรุงลอนดอน นครนิวยอร์ก และกรุงปารีส

ส่วนเมืองต่างๆ ของออสเตรเลียถือว่า มีการก้าวกระโดดในการขยับอันดับขึ้นมากที่สุด โดยนครซิดนีย์ขึ้นจากอันดับ 14 มาเป็น 11 เมลเบิร์นจากอันดับ 21 มาเป็นอันดับ 15 เมืองเพิร์ธ จากอันดับ 30 มาเป็น 19 และบริสเบนจากอันดับ 31 ขึ้นมาเป็นอันดับ 24

กลุ่มสื่อจีนรายงานโครงการศูนย์การค้ากั๋วเม่าแห่งกรุงปักกิ่ง เฟสสาม ช่วงบี ได้เริ่มการก่อสร้างแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ค. โดยจะสร้างอาคารสูงระฟ้า “จื่อเม่ย” บริเวณทิศตะวันออกตัวอาคารใหญ่ที่มีความสูง 300 เมตร เมื่องานก่อสร้างเฟสสามช่วงบีนี้แล้วเสร็จ ก็จะขยายพื้นที่ของศูนย์การค้ากั๋วเม่าโดยรวม 170,000 ตารางเมตร โดยพื้นที่สิ่งก่อสร้าง ขยายใหญ่ขึ้น รวม 1,100,000 ตารางเมตร ตามข้อมูล ณ ปัจจุบัน ศูนย์การค้ากั๋วเม่า ก็จะกลายเป็นศูนย์กลางค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ซุน หงเหว่ย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่แห่งบริษัทศูนย์การค้ากั๋วเม่า ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่สิ่งก่อสร้างของโครงการเฟสสาม ช่วงบี จะเพิ่มพื้นที่ของศูนย์การค้ากั๋วเม่า อีกมากกว่า 200,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารหลักและอาคารเสริม (podium building) ซึ่งจะแบ่งเป็นโซนศูนย์กลางจับจ่ายซื้อของ อาคารสำนักงาน ภัตราคารทันสมัย ศูนย์วัฒนธรรม และศูนยสันทนาการบันเทิง และบริการอื่นๆ

สำหรับการออกแบบเฟสสาม ช่วงบีของศูนย์การค้ากั๋วเม่านี้ มีสไตล์นำสมัย ปกป้องสิ่งแวดล้อม ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชั้นนำของโลก SOM

Manager Online